| ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
|---|
แทนการถกเถียง ต่อสู้ด้วยอารมณ์ ในท่วงทำนองการเมือง ใครฟุ้งซ่านกว่าใคร สิ่งที่ไม่ว่าคนเกิดก่อน หรือคนเกิดหลัง ทุกชั้นอายุ ต้องพิจารณาใคร่ครวญเป็นพิเศษ ในการออกแบบกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยองค์กรอิสระทั้งหลาย
คือการทบทวน ต้นตอปัญหาองค์กรอิสระ แท้จริงอยู่ที่ไหน
อยู่ที่สเปก คุณสมบัติอย่างเดียวจริงหรือ
เพราะหากไม่ได้รับการแก้ไขตรงจุด เซตซีโร่อีกกี่ครั้งก็ไม่มีความหมาย
องค์กรอิสระมีปัญหามาก เมื่อไม่สามารถดำรงรักษาความเป็นกลาง มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริงได้อย่างที่พึงจะเป็น
การตัดสินปัญหา คดีความการเมืองไม่เที่ยงธรรม ให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย หรือที่เรียกกันว่าสองมาตรฐาน ได้ตอกลิ่ม เพิ่มความขัดแย้ง ขยายวงกว้างขวางมากยิ่งขึ้น กระทั่งไม่อาจใช้กระบวนการปกติเป็นทางออก แก้ปัญหาวิกฤตการเมือง การแตกแยกแบ่งฝักฝ่ายครั้งรุนแรงได้
คสช.ยึดอำนาจการปกครองประเทศ
ประกาศภารกิจปฏิรูปด้านต่างๆ โฆษณาให้ความหวังประชาชน
แต่กลับไม่ปรากฏ ความก้าวหน้าในการปฏิรูปองค์กรอิสระมากนัก ทั้งที่ต้องยกเครื่องอย่างขนานใหญ่
ทั้งที่ คสช.ก็รับรู้ปัญหานี้ดี
ถึงขั้นมีประกาศ ฉบับที่ 63/2557 ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2557 ก็เคยมีมาแล้ว
ระบุบางตอนว่า เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมของรัฐดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวดเร็ว เป็นธรรมแก่ประชาชนและเพื่อให้ประชาชนและนานาประเทศเกิดความเชื่อมั่น
ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า คสช.มีนโยบายว่า ประชาชนต้องได้รับความเป็นธรรมอย่างทั่วถึง โดยเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ในกระบวนการยุติธรรม องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. อัยการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีเอสไอ ฯลฯ ขอให้ยึดมั่นในการปฏิบัติงานด้วยความเที่ยงธรรม และมีบรรทัดฐานที่ชัดเจนในการดำเนินคดีตามประเภทคดีที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ ซึ่งสาธารณชนสามารถตรวจสอบได้ ตลอดจนหลีกเลี่ยงการดำเนินการใดๆ ที่อาจมีผลทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่สาธารณชน
ในการบังคับใช้กฎหมาย อันจะนำไปสู่ความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคม ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ
การมีประกาศแบบนี้ตีความเป็นอื่นไม่ได้ นอกเสียแต่ว่าการทำงานขององค์กรอิสระมีปัญหา
ปัญหาก็อย่างที่รู้ๆ กัน มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
กกต.งัดข้อกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่กำลังทำกฎหมายลูกอยู่ในขณะนี้
มีความเห็นไม่ลงรอย ประเด็นเซตซีโร่
กรธ.ยืนยันมาตรฐานเดียว เซตใหม่ทุกองค์กร มิได้พุ่งเป้าที่ใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ ขณะที่ กกต.บางคนมองว่า เป็นเกมการเมืองรุกคืบ มุ่งยึดพื้นที่องค์กรอิสระ พูดประสาชาวบ้านก็คือ จะจัดทัพใหม่ ส่งคนของตัวเองเข้ามานั่ง ผ่านการสรรหาที่ทุกคนรู้แก่ใจล็อกได้ หรือไม่
หันหลังกลับไปมอง 2 กุมภาฯผลงาน กกต.ชุดปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่คุณสมบัติครบตรงตามสเปกกฎหมายลูกที่จะออกใหม่ ได้ต่อวีซ่านั่งเก้าอี้ต่อไป
จะได้อยู่บางส่วนหรือแม้แต่ครบหน้า เรื่องความเชื่อมั่นยังเป็นปัญหา
ขณะที่ กติกาใหม่อาจได้คนใหม่ก็จริง จะบางส่วนหรือครบเซต แต่ก็ไม่มีหลักประกันเรื่องความเป็นกลาง เที่ยงธรรม ไม่ฝักใฝ่การเมือง เมื่อมาจากระบบสรรหา-พรรคพวกเสียแล้ว จะกำหนดสเปกสูงอย่างไร ก็ไม่มีความหมาย
องค์กรอิสระอื่นๆ ก็เหมือนกัน
เมื่อมีที่มาจากใคร กรรมการองค์กรอิสระก็ย่อมยึดโยงคนแต่งตั้ง มีบุญคุณในระบบอุปถัมภ์นั้น
ปัญหาองค์กรอิสระอยู่ที่ไหน กรธ.ต้องกลับไปคิด ทบทวนการเซตซีโร่ใหม่
คุณสมบัติเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และปัจจุบันก็ไม่ได้ต่ำต้อยอะไรมากมาย
แต่ปัญหาจริงๆ คือที่มา ที่ต้องรื้อใหม่ ปฏิรูปจริงจังโดยไม่มีวาระซ่อนเร้น
องค์กรอิสระที่มีที่มาจากการเลือกของคณะบุคคล
น้อยนักที่จะดำรงรักษาความเป็นอิสระ เป็นกลาง ตัวอย่างปัจจุบัน ปรากฏแทบทุกแห่ง
