คนตกสีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง : หนีห่าว, อาร์ยูออนยัวร์พีเรียด? : กล้า สมุทวณิช

ใครเคยไปใช้ชีวิตอยู่ใน “เมืองฝรั่ง” อันได้แก่ยุโรปอเมริกาหรือออสเตรเลีย คงเคยมีประสบการณ์การถูกเจ้าถิ่นบ้านนั้นเมืองนั้นมาพูดใส่หน้าว่า “หนีห่าว” บ้าง “คนนิจิวะ” บ้าง หรือเอาชื่อนามสกุลของคุณไปล้อเล่นเป็นเรื่องตลกกันบ้าง

ไม่นานนี้ มีการรณรงค์ที่น่าสนใจเป็นกระแสเบาๆ กันในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ของคนเชื้อสายเอเชียที่เกิดในสหรัฐอเมริกา เพื่อจุดกระแสการต่อต้านการล้อเลียนเหยียดหยามเชิงเชื้อชาติ ภายใต้แฮชแท็ก #Thisis2016 หลายท่านคงผ่านตาภาพหรือคลิปที่คนหน้าตาเอเชียๆ ออกมายกป้ายหรืออัดคลิปเล่าเรื่องราวการถูกเหยียดหยาม เลือกปฏิบัติ หรือล้อเลียนในความเป็นชาติพันธุ์เอเชีย โดยหมายจะบอกว่า “นี่มันปี 2016 แล้วนะ เลิกเหมารวมคนเอเชียเสียที (โว้ย)”

แต่ละเรื่องที่แคมเปญนี้เอามานำเสนอบางอันมันก็เป็นการล้อเลียนกลั่นแกล้งจริงๆ นั่นแหละ เช่น ด่าว่า “กลับเมืองจีนไปซะ” หรือรายหนึ่งถูกเพื่อนมาดึงหนังตา แล้วให้คนอื่นทายว่า เธอคนนั้นมาจากญี่ปุ่นหรือเกาหลี รวมถึงกรณีการดูหมิ่นความสามารถโดยรูปลักษณ์ทางเชื้อชาติ เช่น นักศึกษาคนหนึ่งถูกอาจารย์สอนวิชาวรรณคดีพูดใส่หน้าว่า คนในครอบครัวเธอคงไม่มีใครใช้ภาษาอังกฤษได้ดีแน่ๆ หรือรายหนึ่งได้รับคำชมว่า “ภาษาอังกฤษของเธอดีจริงๆ” ทั้งๆ ที่เขาเกิดในแคนาดา

แต่บางอันก็ก้ำกึ่งกันว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือแค่ความเข้าใจผิด เช่นเรื่องที่สายตาฝรั่งเห็นว่าคนหน้าขาวตาตี่ทุกคนต้องพูดภาษาจีนได้ ปรี่เข้ามาทักทายว่า “หนีห่าว” หรือไม่ก็เหมารวมว่าหน้าตาจีนๆ แบบนี้ ถ้าจะเก่งเลขสินะ ซึ่งเอาจริงอันหลังนี้ไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหน

Advertisement

ในขณะเดียวกัน ในแวดวงโซเชียลเน็ตเวิร์กเมืองไทยก็มี “ดราม่า” เชิงชาติภาษาขึ้นมาเรื่องหนึ่ง เมื่อกระทาชายวัยรุ่นชาวฝรั่งนายหนึ่ง อุตริจะทดสอบความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษของเด็กนักเรียนไทยด้วยการ (อ้างว่า) ทำการทดลองเชิงสังคม ซึ่งต้องยอมรับว่าเขาแสบมากๆ ที่เลือกไปทดสอบเอาตรงอาคารศูนย์รวมแห่งโรงเรียนกวดวิชาย่านราชเทวี แล้วยิงคำถามใส่เด็กไทยประมาณว่า “เฮ้ย วันนี้นายดูแย่ว่ะ” หรือถามเด็กผู้ชายว่า “นายเป็นประจำเดือนไหม”

เพื่อให้เกิดภาพตลกๆ ว่าเด็กนักเรียนที่ตกเป็น “กลุ่มตัวอย่าง” การทดลอง ยิ้มแย้มแจ่มใส ตอบเยสโนโอเคอย่างไม่รู้ภาษา (ครับ ผมกำลังมีประจำเดือน โอ ฉันดูแย่มากๆ เลยขอบใจนะ เย่ เย่ ฯลฯ)

คงไม่มีคนสติดีมีการศึกษาคนไหนเชื่อโดยสุจริตใจว่าระบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยเรานั้นดีแล้วเยี่ยมแล้ว แต่กระนั้นพอเราชาวไทยได้เห็นคลิปที่ฝรั่งวัยรุ่นที่ว่านี่ส่วนใหญ่ก็จะหัวอุ่นหัวร้อนกันไปบ้างตามแต่ภูมิต้านทานความเกรียนของแต่ละคน

นั่นเพราะคนไทยทั้งผองล้วนรู้สึกร่วมกันว่าถูกอ้ายเบื๊อกฝรั่งวัยรุ่นเกรียนๆ คนนี้มาล้อเลียนเอาที่จุดอ่อนสำคัญอย่างหนึ่งที่เราต่างรู้กันดี

จนน่าคิดว่าถ้าเปลี่ยนการทดลองนี้ (ในกรณีที่เป็นการทดลองจริงๆ) ไปให้เป็นคุณครูชาวไทยสักคนปลอมเป็นนักท่องเที่ยวสุ่มถามทางเอากับกลุ่มเป้าหมายเดียวกันนี้ คลิปนี้อาจจะโด่งดังในอีกทางหนึ่งเลยก็ได้

ทำไมเราจึงรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจที่ถูก “ฝรั่ง” ล้อเลียน ก็อาจเพราะอคติและความถือดีที่ละวางได้ยากที่สุดเห็นจะเป็นความยึดมั่นถือมั่นในความเป็น “ชาติ” และ “พันธุ์” นี่แหละ

ด้วยความรู้สึกว่า “ชาติ” นั้นมันอยู่ในเชื้อสายเผ่าพันธุ์ของเราที่เวียนว่ายวนอยู่ในสายเลือด การทำอะไรที่กระทบถึง “ชาติ” หรือ “เผ่าพันธุ์” ของเราก็ทำให้เรารู้สึกยินดียินร้ายไหววูบไปด้วยที่มีเลือดเนื้อเชื้อพันธุ์ร่วมกันนี้เอง อย่างที่ต่อให้เป็นชาวเสรีนิยมแค่ไหน พอถึงเวลาฟุตบอลทีมชาติเตะหรือมีเทศกาลกีฬาโอลิ เรื่องต่างๆ อย่างที่มันเป็นของมันจริงๆ ได้มากขึ้น

เช่นถ้าเรามองว่าคลิป “ทดสอบภาษาอังกฤษ” นั้น เป็นแค่ “มนุษย์” คนหนึ่งที่อาจจะใช้วิธีการเกรียนๆ ในการทดสอบภาษาต่างชาติของ “มนุษย์” ในประเทศหนึ่ง หรือมองคนที่มา “หนีห่าว” ใส่เราว่าเป็นเรื่องของ “มนุษย์” ที่พยายามจะส่งภาษาเพื่อสื่อสารเพื่อผูกมิตรกับเราแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร จึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนด้วยความเป็นไปได้ที่สูงที่สุด ด้วยภาษาที่เขารู้จัก

เช่นนี้ เราก็อาจจะ “หัวร้อน” กันน้อยลง

กล้า สมุทวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image