แฟลชสปีช : ตู่แล้ว ตู่อยู่ ตู่ต่อ

แฟลชสปีช : ตู่แล้ว ตู่อยู่ ตู่ต่อ

พรรครวมไทยสร้างชาติ ภายใต้ปฏิบัติการส่ง “ตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” สืบทอดอำนาจในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ มอตโตโฆษณาความดีความงามของ “ตู่” ว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” กระจายไปตามสื่อต่างๆ ทั่วบ้าน ทั่วเมือง ทั่วประเทศ เข้าถึงทุกหลังคาเรือนของประชาชน

ถึงวันนี้ค่อยๆ ปล่อยคลิปที่เสนอเนื้อหาให้เป็น จากการเป็นนายกรัฐมนตรีนำรัฐบาลมา 8 ปี สร้างผลงานมากมายไว้ให้ประเทศ เพื่อยืนยันว่า “ทำแล้ว” และยังเดินสายออกปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างไม่รู้จักเหนื่อยอ่อน พร้อมๆ กับอนุมัติงบประมาณแจกจ่ายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มต่างๆ และประชาชนเพื่อแสดง
น้ำจิตน้ำใจว่ากว้างขวาง เพื่อตอกย้ำว่า “ทำอยู่” และยืนยันว่าต้องการจะเป็น “นายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง” แม้จะมีคำตัดสินว่าเป็นต่อได้แค่ 2 ปี ด้วยเหตุว่าที่ชาวบ้านร้านตลาดรับรู้กันว่าเป็นมาเกิน 8 ปีแล้วนั้น สามารถตีความกฎหมายให้นับแค่ 6 ปี เพื่อต่ออีก 2 ปีได้ จะ “ทำต่อ” ตามกฎหมาย ไม่ว่าประชาชนจะเชื่อแบบไหน

“ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” คือคาถาสะกดจิตตัวเองของ “ตู่” ที่ท่องดังๆ ให้เข้าถึงการรับรู้ของประชาชนอย่างกว้างขวาง

Advertisement

แน่นอนว่า “คาถาตู่” ย่อมก่อความหวังให้กับคนบางกลุ่ม ขณะที่ในความรู้สึกนึกคิดของคนอีกบางกลุ่ม หรือหลายกลุ่มอาจอัดแน่นด้วยสัมผัสได้ถึงสภาวะชวนสยดสยอง

ก่อนหน้ารัฐประหารปี 2557 พัฒนาการการอยู่ร่วมกันของผู้คนในประเทศไทยเรา เดินมาถึงจุดที่พูดถึง “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” กันด้วยความรู้สึกว่าต้องทำให้เกิด “ความเท่าเทียม” อย่างจริงจัง ไม่ว่าใครก็ตามที่ถูกกล่าวหาว่าแสดงพฤติกรรมที่จะสะท้อนการขาดสำนึกที่คำนึงถึง “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” จะถูกมองด้วยอาการของความรู้สึกว่าเป็นคนน่ารังเกียจ

คนทุกเพศทุกวัยในประเทศนี้ ได้รับการถ่ายทอดวิธีคิดเพื่อเรียนรู้ว่า “ความเป็นคนที่เท่าเทียม” อันเป็นแก่นแกนของ “การอยู่ร่วมกันอย่างเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” นั้น ต้องเริ่มจาก “กติกาการอยู่ร่วมที่เป็นธรรมอย่างเท่าเทียม” โดยการจัดการของ “กลไก” หรือ “คณะบุคคล” ที่เปี่ยมสำนึกต่อ “ศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมของมนุษย์”

Advertisement

หลังเกิด “รัฐธรรมนูญ” และ “กฎหมายประกอบ” ที่ “ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” พร้อมๆ กับการสถาปนา “กลไก” ขึ้นมาควบคุมการบังคับใช้ “กติกา” โดยมุ่งไปที่ “การสืบทอดอำนาจ”

มีใครบ้างที่สัมผัสการแสดงออกของอำนาจรัฐไม่ว่าจะจาก “ระบบ” และ “ตัวบุคคล” ที่สะท้อนถึง “สำนึกในความเท่าเทียมของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”

การนำพาประเทศ และชีวิตประชาชนให้หลุดไปจาก “โครงสร้างอำนาจแบบที่ควรจะเป็น” นั้น “เกิดแล้ว เกิดอยู่” และตอกย้ำให้รับรู้ว่าจะ “เกิดต่อ”

การจัดการให้เกิด “ภาวะที่ผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น” นั้น

เรียกว่า “ขี้ตู่”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image