ภาพเก่า…เล่าตำนาน : สุดหรรษา… หาเรื่องใส่ตัว…ลงไปวิ่งให้วัวขวิด : โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

ชีวิตของชาวสเปน ดูเหมือนจะคลุกเคล้านัวเนีย เป็นคู่รักคู่แค้นกับวัวกระทิงมาทุกภพทุกชาติ วัวกระทิงทั้งหลายที่เกิดในสเปนก็ไม่รู้ว่าไปทำกรรมอะไรไว้ในชาติปางก่อนที่จะต้องมาชดใช้กรรม สร้างเวรวิ่งไล่ขวิดกับชาวสเปนและต้องโดนสังหารแบบไม่รู้จบ

ชาวโลกรู้จักสเปนในนามของ เมืองกระทิงดุ เทศกาลวิ่งหนีวัวกระทิง (Running of the Bulls) ที่เมืองปัมโปลนา (Pamplona) ต่อเนื่องด้วยการสู้วัวกระทิงในสนามกีฬา เป็นการแสดง เป็นกีฬา เป็นประเพณี เป็นเทศกาลที่เรียกแขกจากทั่วโลกให้มาเยือน เป็นเทศกาลที่เชิดหน้าชูตาประเทศสเปนยิ่งนัก

ภาพเก่า..เล่าตำนาน ตอนนี้ขอนำเสนอตำนานความสะใจไร้กังวลของชีวิตชาวสเปน ในเทศกาลวิ่งหนีวัวกระทิง ที่สนุกแบบหลุดโลกและอันตรายถึงชีวิต

ผู้เขียนขออารัมภบทถึงวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของชาวสเปนที่น่ารักสักเล็กน้อยนะครับ

Advertisement

ในศตวรรษที่ 16 ถึง ศตวรรษที่ 18 สเปนเป็นประเทศมหาอำนาจที่เกรียงไกรหนึ่งเดียวในยุโรป สเปนมีกองเรือรบขนาดมหึมา สเปนเป็นชนชาติที่ออกเรือสำรวจโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีเรือสินค้าที่เดินทางไปได้เกือบรอบโลก เคยแล่นเรือมาถึงอยุธยาติดต่อค้าขายในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ.2035 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ชาวสเปน ยอดนักสำรวจของโลกแล่นเรือไปพบทวีปอเมริกา ยึดเอาดินแดนในทวีปอเมริกา ในเอเชียสเปนยึดครองฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าอาณานิคมที่ไม่เป็นสองรองใคร จักรพรรดิสเปนเรืองอำนาจอยู่ราว 300 ปี

ชาวสเปนถูกจัดอันดับว่าเป็นชนชาติที่มีความโรแมนติกระดับต้นๆ เป็นนักรัก เป็นชนชาติที่มีหน้าตาผสมผสานลักษณะชาวไอบีเรียกับฝรั่งยุโรปและแขกอาหรับรวมไว้ด้วยกัน ผมสีน้ำตาล ใบหน้าคมเข้ม นัยน์ตาวาวหวาน ผู้ชายหล่อหนักมาก ผู้หญิงสวยบาดใจ ภาษาสเปนฟังแล้วเสนาะหู สาวๆ สเปนมีลีลาการเต้นรำส่ายสะโพกได้ร้อนแรงสุดเซ็กซี่ที่เรียกว่าระบำฟลามิงโก

ชาวสเปนใช้ชีวิตสนุกสนาน ชอบเฮฮาปาร์ตี้ ไม่รีบร้อน ชอบพูด ชอบคุย ชอบใช้ชีวิตนอกบ้าน กิน ดื่ม เที่ยว เล่น ร้องรำทำเพลง เล่นดนตรีเก่ง จะเริ่มทำงานระหว่าง   10.00-14.00 น. แล้วทานกลางวันแบบกลัวอิ่ม เริ่มทำงานอีกครั้ง 16.00-20.00 น. ทานอาหารค่ำราว 21.00 น.

Advertisement

ท่านที่เคยไปเที่ยว เคยไปทำงาน หรือไปเรียนหนังสือในสเปน คงทราบดีนะครับ

ขอนำท่านผู้อ่านที่เคารพกลับมาที่เทศกาลวิ่งหนีวัวกระทิง

ในช่วงศตวรรษที่ 13 โบราณกาลนานมาแล้วในเมืองปัมโปลนา ( Pamplona ) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน เกษตรกรส่วนหนึ่งดำรงชีพโดยการต้อนฝูงวัวไปที่โรงฆ่าสัตว์ในเมือง การต้อนวัวกระทิงมาเป็นฝูงในระยะทางไกล จะต้องมีเทคนิคพิเศษ มีลูกล่อ ลูกชน ลงแส้ หลอกล่อ แต่วิธีการที่ได้ผลที่สุดคือ การที่คนวิ่งไปอยู่หน้าฝูงวัวกระทิง ยั่วให้มันโกรธและวิ่งไล่ตามมาเพื่อเร่งรัดให้วัวไปถึงที่หมายโดยเร็ว มันเป็นความสนุกของเด็กๆ ในชนบทที่หาได้ไม่ยากนัก

ต่อมาการต้อนฝูงวัวโดยการให้คนวิ่งไปล่อข้างหน้า กลายเป็นการแข่งขันกันว่าฝูงวัวของใครจะไปถึงที่หมายได้เร็วกว่ากัน เป็นความสุขใจจากการทำงาน เรียกเสียงเฮฮาจากผู้คน ประการสำคัญ มันคือการโชว์ความกล้า และต้องการพิสูจน์ว่า ข้าคือพระเอกตัวจริงไม่กลัวกระทิงเว้ย

เมื่อการยั่วกระทิงให้โกรธ แต่วัวทำอันตรายไม่ได้ ขวิดไม่โดนตัวเป็นความสนุกและท้าทาย กิจกรรมเล่นกับวัวที่กำลังมีโมหะจริตขาดสติเลยพัฒนาการไปเป็นกีฬายอดฮิต และต้องมีคนเชียร์ ชาวสเปนเพิ่มสีสันความหวาดเสียวเข้าไป โดยให้คนล่อวัวแต่งตัวชุดสีขาวแต้มสีแดงอย่างหล่อที่เรียกว่า มาทาดอร์ (Matador)

ศตวรรษที่ 18 คนสเปนหลงใหลกีฬาสู้วัวกระทิงจนกระทั่ง นายฟรานซิสโก โรเมโร (Francisco Romero) เปิดโรงเรียนสอนเด็กหนุ่มที่ต้องการมีอาชีพเป็นมาทาดอร์ที่จะต้องมีลีลาล่อวัวแบบ อ่อนช้อย เร้าใจ ปลอดภัย ในสังเวียนสู้วัว

การวิ่งล่อกระทิงเพื่อความสนุกของชาวสเปนถือกำเนิดครั้งแรก ที่เมืองปัมโปลนา ในปี พ.ศ.2467 ในปีนั้นมีคนตายจากวัวขวิดถึง 14 คน เลยเป็นประเพณีที่ต้องมาจัดในระหว่าง 6-14 กรกฎาคมของทุกปี และเพื่อรำลึกถึงสาธุคุณ เฟอร์มิน (Saint Fermin)

เออร์เนสท์ เฮมมิงเวย์ (Ernest Hemmingway) นักเขียน นักประพันธ์ระดับโลกได้มาพบเห็นประเพณีการวิ่งล่อวัวกระทิงและนำไปเขียนเป็นนวนิยายเรื่อง The Sun Also Rise เผยแพร่ในปี พ.ศ.2469

เทศกาลวิ่งหนีวัวกระทิงเลยดังระเบิด ตั้งแต่นั้นมาเลยทำให้สังคมโลกหันมาสนใจมาท่องเที่ยว มาขอร่วมเสี่ยงชีวิตกับเทศกาลนี้ในสเปน

กติกาง่ายๆ คือ 8 โมงเช้าผู้เข้าร่วมความเสียวสยองนับร้อยจะต้องไปคอยที่หน้าคอกวัว แต่งกายด้วยชุดสีขาว และพันผ้าพันคอสีแดง เจ้าหน้าที่จะปล่อยวัวกระทิง 6 ตัวจากคอกวัวให้วิ่งไปตามถนนในเมืองซึ่งเป็นเส้นทางแคบๆ ระยะทางราว 850 เมตร เหล่าผู้กล้าทั้งหลายจะต้องวิ่งไปข้างหน้าฝูงวัวกระทิงกันอย่างอลหม่านเพื่อเอาชีวิตรอด ในช่วงนี้จะใช้เวลาราว 2 นาที 30 วินาที วัวแต่ละตัวหนักประมาณครึ่งตัน มีเขาแข็งแรงคมกริบ วิ่งปรี่ออกมาจากคอกปานพายุหมุน เสียงกีบที่เท้าวัวทั้งฝูงจะกระทบพื้นถนนเป็นเสียงกึกก้องปานสายฟ้าฟาดระคนกับเสียงกรีดร้องของคนวิ่งและคนดู เมื่อไปสุดถนนแล้วฝูงวัวนี้จะถูกต้อนเข้าสู่สนามสู้วัวกระทิงของเมือง จะมีมาทาดอร์ (Matador) รูปหล่อยืนโบกผ้าแดงและดาบรอต่อสู้กับวัวกระทิงและพวกมันต้องถูกฆ่าตายภายในสนามสู้แห่งนี้ในช่วงบ่าย

สารอะดรีนาลีน (Adrenaline) จะหลั่งออกมาแล้วสูบฉีดไปทั่วร่างของผู้วิ่งอยู่หน้าวัว และจะยิ่งหวีดหวิวเมื่อใครคนนั้นวิ่งอยู่หน้ากระทิงในระยะประชิด มีเขาวัวที่แหลมคมจ่อในระยะเผาขน วัวกระทิงไม่เคยเลือกปฏิบัติกับใคร ขวิดโดนตรงไหนต้องได้เลือด

ความระห่ำของคนที่ยอมเสี่ยงตาย เป็นที่ยอมรับกันของทุกฝ่าย มีการจัดเทศกาลนี้ต่อเนื่องกันมานานตั้งแต่อดีตยาวนานราว 400 ปี ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตระหว่างการวิ่งหนีวัว ส่วนใหญ่จะขาพันกัน สะดุด ชนกันเอง บ้างถูกวัวเหยียบ หรือถูกกระทิงขวิดล้มแล้วลากไปขวิดต่อด้วยความมันเขี้ยวมันเขา ผู้กล้าบ้าบิ่นเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ชาวสเปนเท่านั้น แต่เป็นนักท่องเที่ยวผจญภัยจากรอบโลกมาขอเสี่ยง

เมืองปัมโปลนา มีประชากรราว 200,000 คน ในแต่ละปีมีผู้คนจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศมาร่วมวิ่ง มาชม มาเชียร์ ทำเงินรายได้จากนักท่องเที่ยวมหาศาลทุกปี

การบาดเจ็บโดยมากจะเกิดขึ้นจากโดนเขากระทิงแทงเข้าที่ลำตัว ทั้งนี้ จะมีทีมแพทย์คอยช่วยชีวิตคู่ขนานกันไปในระหว่างความมันสุดขีด ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของความสมัครใจของคนกล้า ที่ต้องการความเสียวซ่านทั่วสรรพางค์กาย

ความบันเทิงไร้ขีดจำกัดจากการวิ่งหนีวัวดุ มีข้อกำหนดแบบหลวมๆ เช่น ผู้ที่เข้าร่วมจะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ห้ามถือของในมือเพราะจะไม่สะดวกในการวิ่ง จะต้องสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม ห้ามวิ่งตามหลังวัวกระทิง หรือกระทำการใดๆ ให้วัวกระทิงหยุดวิ่ง

นี่คือกติกาที่ชาวสเปนกำหนดขึ้นมากันเอง เล่นกันเอง เจ็บ ตายกันเอง โดยไม่มีใครบังคับ สนุกกันมายาวนานราว 400 ปี ทุกๆ ปีจะมีคนตายคนเจ็บจำนวนมาก แต่ก็หยุดไม่ได้เพราะหัวใจมันเรียกร้อง

พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

aislogo

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image