ที่มา | คอลัมน์ ที่เห็นและเป็นไป มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
เผยแพร่ |
มีประเด็นที่สะดุดความคิดอย่างน่าใส่ใจมากมายในบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ “สตีเฟน ฮอว์คิง”
“ฮอว์คิง” เป็นนักฟิสิกส์ชื่อก้องโลก ครั้งนี้ไม่ได้อธิบายเรื่อง “หลุมดำของจักรวาล” แต่ให้สัมภาษณ์เรื่อง “ตอนนี้เป็นห้วงเวลาที่อันตรายที่สุดสำหรับโลกเรา”
ในสัมภาษณ์ยาวที่มีประเด็นให้สะดุดคิดมากมายนั้น มีเรื่องหนึ่งที่ขอยกมาแลกเปลี่ยน ณ ที่นี้ คือ เรื่องราวความก้าวหน้าของ “เทคโนโลยีการสื่อสาร” กับ “ความเหลื่อมล้ำของชีวิต”
อธิบายจากความเข้าใจที่ได้อ่านมาคือ “ผลของเศรษฐกิจแบบโลกาภิวัตน์ และพัฒนาการด้านเทคโนโลยี ได้ทำให้ช่องว่างของคนถ่างออกจากกันมากขึ้น จากที่มีช่องว่างมากอยู่แล้ว”
ช่องว่างที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่แตกต่างกันระหว่างคนรวยกับคนจน ว่างั้นเถอะ
คิดต่อจากที่ฟัง “ฮอว์คิง” คือ
ก่อนหน้านั้นคนไม่ได้รู้สึกมากนักถึงช่องว่าง ถึงความเหลื่อมล้ำ เพราะต่างคนต่างอยู่
แต่วันนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว เทคโนโลยีการสื่อสาร หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ก ได้เชื่อมวิถีชีวิตของคนทุกกลุ่มเข้าด้วยกัน กลายเป็นสังคมที่ไม่มีช่องว่างของการรับรู้
คนจนทำอะไรเศรษฐีรู้ เศรษฐีใช้ชีวิตอย่างไร ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ หาความสุขกันอย่างไร คนจนรับรู้ได้ในทันที ผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่ติดมืออยู่ตลอดเวลา
อยู่บนโลกเดียวกัน แต่มีความแตกต่างในชีวิตมากมาย
สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นหาได้ไม่ยาก เพราะมีผู้รู้วิเคราะห์วิจารณ์ไว้ให้มากมาย ในความเสียเปรียบของโอกาสที่เกิดจากช่องว่างทางชนชั้น
การรับรู้ว่าถูกเอาเปรียบจนทำให้คุณภาพชีวิตแตกต่างกันยิ่งกว่า “สวรรค์กับนรก” ก่อให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ
ซึ่งตามมาด้วยการประชดประชัน และต่อต้านทางชนชั้น
มีรูปธรรมของความรู้สึกนี้มากมาย ที่สะท้อนมาจากการแอนตี้คนเด่นคนดัง หรือคนรวย ที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ทั้งในรูปตัวหนังสือและคลิปวิดีโอ
สังคมกำลังสะสมสำนึกในการต่อต้าน มีการแสดงออกที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก
“ฮอว์คิง” บอกว่า “การเลือกโดนัลด์ ทรัมป์” เป็นประธานาธิบดี และประชามติของชาวอังกฤษที่ให้ออกจาก “สหภาพยุโรป” เกิดจากความรู้สึกนี้
ความวุ่นวายเกิดขึ้นจาก “ความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัว แต่การรับรู้ในกันและกันถูกหลอมรวมให้ใกล้กันมากขึ้น”
หันมาดูแลประเทศไทยเรา
เมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารเครดิตสวิสรายงานความเหลื่อมล้ำของกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุดกับกลุ่มคนที่ยากจนที่สุดว่า
“จากรายงานความมั่งคั่งโลกปี 2559 ลำดับประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้มากที่สุดโดยวัดจากอัตราความมั่งคั่งที่ถือครองโดยกลุ่มประชากรที่ร่ำรวยที่สุดร้อยละ 1 โดยประเทศที่ติดอันดับ 1 คือ รัสเซีย รองลงมาคือ อินเดียและไทย ตามลำดับ”
ความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศอยู่ในอันดับ 3 ของโลก
ขณะที่ข้อมูลการใช้โซเชียลมีเดียของคนไทยอัพเดตเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา “ใช้ Facebook 41 ล้านคน โตขึ้น 17% คิดเป็น 60% ของประชากรไทย ส่วน Facebook Page ไทย มีมากถึง 7 แสนเพจ twitter 5.3 ล้านราย active 1.2 ล้านคน โตขึ้น 18% Instagram 7.8 ล้านคน โตขึ้น 74% มียอด Active User 1 ล้านราย คนไทยใช้ Line 33 ล้านคน”
ลองนึกดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ที่ได้รับรู้การดำเนินชีวิตที่แตกต่างยิ่งกว่า “นรก” กับ “สวรรค์” อย่างที่ว่าอยู่ตลอดเวลาจากตื่นนอนจนล้มหลับ
ประเด็นอยู่ที่จะแก้อย่างไร เพื่อลดความรู้สึก
แก้ที่ “ลดความเหลื่อมล้ำให้เร็วที่สุด” หรือ “หาทางปิดกั้นการรับรู้ให้มากที่สุด”