เสียงสะท้อนคำฟ้องระบบการศึกษาของอเมริกา ที่ดังก้องไปทั่วโลกในชั่วข้ามคืน : โดย เพชร เหมือนพันธุ์

ผู้เขียนอยากเผยแพร่เนื้อหาจากวิดีโอที่ นาย Prince Ea หรือชื่อเต็ม Richard Williams ซึ่งเป็นศิลปินเพลงแร็พและนักเคลื่อนไหวชาวอเมริกัน ที่ได้นำเสนอสู่สาธารณะ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2559 ภายใน 2 วันมีผู้เข้าชมถึง 9.7 ล้านครั้ง ในเนื้อหามีชายผิวสีคนหนึ่ง กำลังว่าความให้กับเด็กๆ ต่อศาล ถึงความล้มเหลวและความไม่ยุติธรรมของระบบการศึกษา ที่ดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วโลก เราทุกคนต่างเป็นเหยื่อของระบบการศึกษาที่ล้มเหลวด้วยกันทั้งสิ้น

ทุกประโยคที่เขาพูดในเวลา 6.25 วินาที ได้สะท้อนถึงความล้มเหลวของระบบการศึกษาของอเมริกาและทั่วโลก ผู้เขียนขออนุญาตนำซับไทยที่ Life Uni ได้จัดทำขึ้น ซึ่งเป็นการถอดใจความที่ตรงประเด็นในทุกประโยคมาเผยแพร่ ในพากย์ไทย เพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาไปถึงเพื่อนครู เพื่อน ผู้บริหาร ผู้รับผิดชอบต่อการจัดการศึกษา และผู้ปกครองทั่วประเทศ ให้เห็นภัยมืดที่ได้เข้ามาคุกคามคนไทยในโลกยุคดิจิทัลในอนาคต

นาย Prince Ea ได้กล่าวเปิดคำฟ้องระบบการศึกษาด้วยคำกล่าวที่ว่า …. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์… เคยบอกว่า … ทุกคนเป็นอัจฉริยะ แต่ถ้าคุณตัดสินปลาด้วยความสามารถในการปีนต้นไม้ มันจะใช้ทั้งชีวิตของมันโดยเชื่อว่ามันช่างโง่เขลา

ทุกท่านและคณะลูกขุน ในวันนี้ผมขอฟ้องระบบการศึกษา ดีใจที่คุณมาได้ พวกเขาไม่ได้แค่ให้ปลาปีนขึ้นต้นไม้ แต่ยังให้พวกมันปีนลงอีกต่างหาก และยังให้มันวิ่งอีก 10 ไมล์ บอกผมหน่อย “โรงเรียน” คุณภูมิใจในสิ่งที่พวกคุณทำหรือเปล่า … เปลี่ยนคนเป็นล้านๆ คน ให้กลายเป็นหุ่นยนต์ มันสนุกหรือเปล่า คุณรู้ตัวหรือเปล่า ว่ามีเด็กกี่คนที่เหมือนปลาตัวนั้น เรียนอย่างหนักในห้องเรียนแต่ไม่พบพรสวรรค์ของตนเอง ได้แต่คิดว่าตนเองโง่และเชื่อว่าตนเองไร้ค่า แต่มันหมดเวลาแก้ตัวแล้ว

ผมขอกล่าวหาโรงเรียนว่า… “เป็นฆาตกรที่ฆ่าความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ทำลายเอกลักษณ์และเหยียดหยามทางความคิด มันคือระบบที่ล้าสมัยที่หมดอายุแล้ว”

Advertisement

ข้าฯ แต่ศาลที่เคารพ นั้นคือคำแถลงเปิดคดีของผม ผมขอแสดงหลักฐานสนับสนุนรูปคดีผมจะพิสูจน์ให้ดู … (ศาล .. เชิญครับ)

ตัวอย่างแรก …(เสนอรูปภาพ) … นี่คือโทรศัพท์สมัยนี้ เคยเห็นหรือเปล่าครับ และนี้คือโทรศัพท์เมื่อสมัย 150 ปีที่แล้ว แตกต่างกันใช่ไหม? ฟังก่อน นี่คือรถยนต์สมัยนี้ และนี้คือรถยนต์เมื่อ 150 ปีที่แล้ว แตกต่างกันใช่หรือเปล่า? งั้นดูนี้ นี่คือห้องเรียนสมัยนี้ และนี่คือห้องเรียนสมัยเมื่อ 150 ปีที่แล้ว .. (มีเสียงฮือ) .. ช่างน่าอับอาย กาลเวลานับร้อยปีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แล้วคุณยังมาอ้างว่ากำลังเตรียมเด็กให้พร้อมสำหรับอนาคตหรือ

ด้วยหลักฐานเหล่านี้ ผมขอถาม…? คุณเตรียมความพร้อมนักเรียนสำหรับอนาคต หรือสำหรับอดีต? ผมทำการบ้านในเรื่องของพวกคุณมาแล้ว และมันฟ้องว่า คุณสร้างนักเรียนขึ้นเพื่อ…เพื่อฝึกคนไปทำงานในโรงงาน นั้นเป็นเหตุผลที่ (พวก) คุณไปบังคับนักเรียนให้นั่งเป็นแถวให้เรียบร้อย และบอกให้นั่งเฉยๆ อยากพูดแล้วค่อยยกมือขึ้น พักแต่ตอนกินข้าว และใช้เวลา 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อบอกว่า “ต้องคิดอะไร” โอ้แล้วก็ให้แข่งกันเพื่อให้ได้เกรด A สัญลักษณ์แห่งสินค้าคุณภาพต้องเป็นเนื้อ เกรด A ผมเข้าใจ

Advertisement

ในช่วงเวลานั้นมันแตกต่าง พวกเรามีอดีตและผมก็ไม่ใช่คานธี แต่ในเวลานี้ เราไม่จำเป็นต้องสร้างหุ่นยนต์ผีดิบอีกแล้ว โลกกำลังก้าวหน้า และในตอนนี้เราต้องการ “คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดริเริ่ม เอาจริงเอาจัง พึ่งพาตนเองได้ มีความสามารถในการเชื่อมโยง”

นักวิทยาศาสตร์ทุกคนจะบอกคุณว่า … ไม่มีสมองคู่ใดที่เหมือนกัน และพ่อแม่ที่มีลูกสองคนจะช่วยยืนยันได้แน่นอน ช่วยอธิบายหน่อย ทำไมพวกคุณถึงได้ทำกับนักเรียนเหมือนแม่พิมพ์ของขนมหรือเหมือนหมวกแก๊ปที่ปรับขนาดได้ สอนสิ่งห่วยๆ ให้ทุกคนในแบบเดียวกัน .. (ระวังคำพูดหน่อย) ! .. ขออภัยครับท่าน

แต่ถ้าคุณหมอจ่ายยาแบบเดียวกันให้กับผู้ป่วยทุกคน ผลของมันคือโศกนาฏกรรมและผู้ป่วยก็ยังคงป่วยอยู่ และมันคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโรงเรียน “การศึกษาที่ล้มเหลว”

ครู 1 คน สอนเด็ก 20 คน โดยเด็กแต่ละคนมีจุดแข็ง มีความต้องการ มีพรสวรรค์ มีความฝันที่แตกต่างกัน แต่คุณสอนในสิ่งที่เหมือนกัน อย่างนั้นหรือ? นี่มันแย่มาก ทุกๆ ท่าน เราไม่ควรละเลยในสิ่งนี้ นี่อาจเป็นคดีฆาตกรรมที่เลวร้ายที่สุดที่เคยมีมาโดยการให้คำมั่นสัญญา และผมขอพูดถึงวิธีการที่พวกคุณปฏิบัติต่อลูกจ้างหน่อย … (ผมขอค้าน! คำค้านตกไป ผมอยากฟัง)

มันน่าอาย ผมหมายถึงอาชีพ “ครู” มีหน้าที่ที่สำคัญที่สุดบนโลกใบนี้ กลับมีรายได้แค่ “พอกิน” ไม่แปลกใจที่คุณครู (บางคน) ไม่ให้ความสำคัญเต็มที่กับตัวเด็ก ว่ากันจริงๆ ครูควรได้เงิน (เดือน) มากเหมือนหมอ เพราะคุณหมอสามารถผ่าตัดหัวใจช่วยชีวิตเด็กได้ แต่ครูที่ดีสามารถเข้าถึงหัวใจของเด็กและอนุญาตให้เด็กได้ใช้ชีวิตที่แท้จริงได้ คุณครูคือ ฮีโร่ ที่มักจะถูกใส่ร้าย แต่พวกเขาไม่ใช่ปัญหา (เพียงแต่) พวกเขาทำงานในระบบที่ไม่มีทางเลือกเท่านั้น

หลักสูตรที่ถูกออกแบบมาจากคนในกระทรวง คนที่ไม่เคยสอนใครเลยในชีวิต เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการสอบวัดผล พวกเขาคิดว่า……. การกาข้อสอบแบบมั่วๆ จะเป็นการวัดความสำเร็จ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกันเลย ความจริงคือ “การสอบแบบนี้ มันหยาบเกินกว่าจะใช้ได้” มาฟัง J. Kelly ดีกว่า เขาคือคนที่คิดค้นมาตรฐานการทดสอบ เขาบอกว่า “การสอบแบบนี้ (การกา ก ข ค ง) มันหยาบเกินกว่าจะเอาไปใช้ได้และต้องถูกแบน”

เรียนทุกๆ ท่านในห้องนี้ พวกเรายังทำแบบนี้ (แบบกาข้อสอบ แบบ ก ข ค ง) ผลลัพธ์มันมีแต่แย่ลง ผมไม่ได้มีความศรัทธาในโรงเรียน แต่มีความศรัทธาในผู้คน และถ้าเรายังสามารถปรับแต่งแผนสุขภาพ รถ และรูปบน Facebook ได้ ทำไมเราจะปรับแต่งเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไม่ได้ มันเป็นหน้าที่ของพวกเรา … อย่าทำแบบที่โรงเรียนต้องการ เพราะมันไร้ประโยชน์

นอกจากเราจะดึงจิตวิญญาณจากนักเรียนแต่ละคนออกมาได้นั้นควรเป็นหน้าที่ของเรา แต่เราต้องเข้าใจถึงหัวของเด็กทุกคน แน่นอน วิชาเลขคณิตฯ ก็สำคัญ แต่ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่า วิชาศิลปะ หรือวิชาการเต้น (Dance) ในทุกๆ พรสวรรค์ของเด็ก ก็ (ควร) มีโอกาสที่เท่าเทียมกัน ผมว่ามันเหมือนเพ้อฝัน แต่มันกำลังเกิดขึ้นในฟินแลนด์

ในประเทศฟินแลนด์ พวกเขามีชั่วโมงสอนที่น้อยลง ครูมีรายได้ที่มากพอ เด็กไม่มีการบ้าน พวกเขาเน้นความร่วมมือแทนที่จะแข่งขันกัน แต่ที่มันเด็ดคือคุณภาพการศึกษาของพวกเขาทิ้งประเทศอื่นในโลกแบบไม่เห็นฝุ่นเลย

ตัวอย่าง ประเทศที่พัฒนาได้อย่างรวดเร็วเช่น สิงคโปร์ ก็โรงเรียนอย่าง Montessori หรือโปรแกรมอย่าง Khan Academy มันไม่ได้มีทางออกแค่ทางเดียว เราต้องไปกันต่อ

แม้จำนวนนักเรียนจะมีเพียง 20% ของประชากรในประเทศ เพื่ออนาคตของประเทศ เราช่วยกันเอาใจใส่กับความฝันของพวกเขาหน่อย และนี้คือความท้าทายที่พวกเราต้องทำให้ได้ … นี่คือโลกที่ผมเชื่อ โลกของปลาที่ไม่ต้องถูกบังคับให้ปีนต้นไม้อีกแล้ว ผมขอสรุป เพียงนี้!!!!!

ครับ ทั้งหมดนี้ ได้มีผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการศึกษาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ได้แนะนำให้ผู้เขียนได้นำเสนอบทความนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาแบบมีทิศทาง จะได้ไม่หลงทางทำให้เสียเวลา เพื่อนบ้านใกล้เคียงในกลุ่มประชาคมอาเซียนกำลังแซงมาติดๆ เช่น เวียดนาม พม่า ลาว เขมร เป็นต้น

ท่านมังกร กุลวานิช อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิชย์ รอง ผอ.สำนักพัฒนาครูและบุคลากรการศึกษาขั้นพื้นฐานและทีมงานของคณะ เลขาฯรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และนายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมช.ศธ.กับท่าน ดร.สัมฤทธิ์ กางเพ็ง ผอ.โรงเรียนบ้านหนองกุงวิทยาคาร จังหวัดขอนแก่น และอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้แนะนำให้ผู้เขียนนำเสนอบทความนี้ เพื่อกระตุ้นปลุกคนไทยให้ตื่นตัว เข้ามาช่วยกันปฏิรูปการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สูงขึ้นครับ

เพชร เหมือนพันธุ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image