สถานีคิดเลขที่ 12 : สู้กลโกงเลือกตั้ง

สถานีคิดเลขที่ 12 : สู้กลโกงเลือกตั้ง นึกว่าเลือกตั้งครั้งนี้จะขาวสะอาด

   นึกว่าเลือกตั้งครั้งนี้จะขาวสะอาดปราศจากข้อร้องเรียนการซื้อเสียง แต่ที่ไหนได้ พอเข้าสู่โค้งสุดท้ายกระแสข่าววิชามารดังกระหึ่ม

จริงไม่จริง กกต.ต้องพิสูจน์

พิสูจน์จากข้อกล่าวหาเรื่องการซื้อบัตรประจำตัวประชาชนกันมากมาย
แรกๆ เป็นกระแส ต่อมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมายืนยัน

หลังๆ นี้มีข้อกล่าวหาเรื่องดังกล่าวมากขึ้น

ADVERTISMENT

การเก็บบัตรประชาชนนั้น เขาไม่ได้เอาไปลงคะแนน แต่เก็บไว้เพื่อไม่ให้ไปลงคะแนน ทำให้คะแนนฝ่ายตรงข้ามไม่เข้าเป้า

ส่วนกระแสข่าวการซื้อเสียงนั้น เดิมได้ยินเสียงจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอกย้ำ และนำมาเป็นหลักการของพรรคที่จะเป็นประชาธิปไตยไม่ซื้อเสียง

ADVERTISMENT

กระทั่งตอนที่นักวิชาการ 2 ท่านที่มาเป็นวิทยากรบนเวทีสรุปผลโพลมติชนและเดลินิวส์เมื่อสัปดาห์ก่อน ช่วงหนึ่งแสดงความแปลกใจว่าภาคที่ไม่คาดว่าจะมีการซื้อเสียงมากกลับมีการจ่ายกันหนัก
แถมอัตราการจ่ายที่เดิมหัวละ 500 บาท เดี๋ยวนี้พุ่งขึ้นเป็นพัน
ระยะท้ายๆ นี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเดินหน้าเปิดหลักฐาน บอกว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อเสียง 20 จังหวัด

เรื่องการซื้อเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ก็ออกมาแฉ

คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า เดินสายปราศรัยในพื้นที่ภาคอีสานหลายสิบเวทีในหลายจังหวัด มีพี่น้องมาให้ข้อมูลว่าขณะนี้มีการซื้อเสียงอย่างมโหฬาร

บางพรรคให้ 500 บาท บางพรรคให้ 1,000 บาท ขอให้พี่น้องรู้เท่าทันว่ายุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยที่มีการใช้เงินซื้อเสียงมากที่สุด

กระแสเสียงในช่วงก่อนวันเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม กลายเป็นกระแสเสียงเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาสอดแทรกเรื่องนโยบายพรรค

หากข่าวคราวเรื่องการใช้เงินและสารพัดวิชามารเป็นจริง ถือว่ากลยุทธ์สุดท้ายที่เป็นไม้ตายเริ่มถูกนำออกมาใช้

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้มีจุดแข็ง เพราะเป็นการเลือกตั้งที่มีการพูดถึงนโยบายอย่างเอาจริงเอาจัง และแคนดิเดตนายกฯก็ออกหาเสียงตั้งแต่ต้นจนจบ เข้าใจและรับปากที่จะผลักดันนโยบายอย่างจริงจัง

การเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนมีโอกาสได้การแสดง “เจตจำนง” อย่างชัดแจ้งตั้งแต่แรก

ทุกคนที่ติดตามข่าวสารคงจะทราบว่าผู้คนต้องการอะไรจากการเลือกตั้งครั้งนี้

แต่เจตจำนงนั้นกำลังถูกท้าทายด้วยการใช้เงินซื้อเสียง และการกระทำใต้ดินผิดกฎหมาย

ดังนั้น กกต.และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องขัดขวางการกระทำดังกล่าว

ขณะเดียวกันประชาชนก็สามารถป้องกันเจตจำนงของตัวเองเอาไว้ด้วยการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันมากๆ

วันที่ 7 พฤษภาคม เห็นบรรยากาศการออกไปใช้สิทธิล่วงหน้า และการตรวจสอบการทำงานของ กกต.อย่างใกล้ชิดแล้ว น่าชื่นใจ

หวังว่าปรากฏการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม

หวังว่าผู้คนจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันมากๆ เพื่อยืนหยัดในเจตจำนงของตัวเอง

   และปฏิเสธวิชามารที่จ้องเข้ามาบิดเบือนเจตจำนงนั้นๆ ด้วยการใช้เงินฟาดหัว

นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image