ที่มา | คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12 มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
เผยแพร่ |
บรรยากาศและอารมณ์ของคนไทยในค่ำคืนวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคมนี้ ย่อมจดจ่ออยู่กับเกมฟุตบอลที่ราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นการแข่งขันนัดที่ 2 ของการชิงแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ หรือชื่อจริงว่า ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน
ทั้งจะเป็นเกมที่บีบหัวใจคนไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากนัดแรกเราเป็นฝ่ายแพ้ทีมอินโดนีเซียคู่ชิงแชมป์ไป 2-1
นัดที่ 2 หรือนัดชี้ชะตา ที่ย้ายมาเตะในบ้านเรา ต้องยิงให้ได้ประตูรวมที่มากกว่า ยกเว้นยิง 1 ลูกแล้วไม่เสียประตู
ความที่เป็นเกมฟุตบอลถ้วยใหญ่ของชาติอาเซียน ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นถ้วยที่ทีมบอลไทยเรามีโอกาสมากที่สุดที่จะเป็นแชมป์ได้
ถัดขึ้นไปกว่านี้ คือถ้วยระดับแชมป์เอเชีย ก็ยังหาโอกาสเป็นไปได้ยากมาก
แถมเรายังเป็นเจ้าของแชมป์ถ้วยอาเซียนนี้เมื่อหนที่แล้วด้วย คราวนี้ถือเป็นการป้องกันแชมป์ จึงเป็นศึกที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
ความสุขหรือความเศร้าของแฟนบอลไทยเรา และของคนไทยวงกว้าง จะชี้ชะตากันในค่ำวันเสาร์นี้แหละ
อันที่จริงอารมณ์ความรู้สึกในเชิงชาตินิยม เมื่อต้องเชียร์กีฬาในนามทีมชาติของเรา ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติปกติ
กีฬากับการเชียร์แบบชาตินิยมเป็นของคู่กัน เพื่อความสนุกสนาน เพื่อความมีรสชาติ
เพียงแต่เชียร์ทีมชาติเราให้สุดเหวี่ยงอย่างไรก็ตาม แต่ต้องไม่ไปเหยียดหยามชาติคู่แข่ง
ถ้าไปหยามหมิ่นชาติอื่นที่เป็นคู่แข่งของชาติเรา จะเข้าทำนองชาตินิยมแบบบ้าคลั่ง ขาดสติ
ดังที่เกิดเหตุการณ์เมื่อค่ำวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานนี่แหละ ในรอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติพม่า
มีคลิปเผยแพร่ เห็นแฟนฟุตบอลชาวไทยโห่ใส่แฟนฟุตบอลชาวพม่า จนสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวโซเชียลของพม่าอย่างยิ่ง คนไทยกันเองที่มีจิตใจเป็นธรรมก็รับไม่ได้กับพฤติกรรมของแฟนบอลไทยกลุ่มนี้
กระทั่งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องออกแถลงการณ์ขอโทษแฟนบอลชาวพม่าตามมา ป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย
กรณีนี้ คือการใช้อารมณ์ชาตินิยมอย่างสุดโต่งเกินงาม
ไม่ใช่ชาตินิยมเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการเชียร์ แต่เป็นชาตินิยมที่หยามหมิ่นชาติอื่น ซึ่งมีแต่จะสร้างความขัดแย้งแตกแยกตามมา
ยิ่งเป็นกรณีชาวพม่ายิ่งต้องปรับความคิดกันใหม่ เพราะทุกวันนี้คนพม่าหรือเพื่อนบ้านชาติอื่นๆ เข้ามาทำงานในบ้านเรามากมายมหาศาล
แปลว่าชีวิตประจำวันของเราๆ ทั้งหลาย ล้วนสัมผัสกับคนชาติเพื่อนบ้านเหล่านี้ใกล้ชิด
ไปเผลอพูดจาหยามหมิ่นเมื่อไร ลองหันไปมองรอบๆ ตัว ล้วนชาติเพื่อนบ้านที่เข้ามาทำงานในบ้านเรือนต่างๆ ในร้านค้า ร้านอาหาร
สังคมไทยเราไม่ได้อยู่ลำพัง แต่มีความหลากหลายของผู้คน
แล้วอย่าไปคิดเหยียดว่า คนต่างด้าวเหล่านี้ก็แค่เป็นคนที่เข้ามาขอทำงานในบ้านเรา เพราะความเป็นจริงแล้ว ในทุกวันนี้ขาดแรงงานเหล่านี้เมื่อไร สังคมไทยเดือดร้อนทันที
ที่ต้องเลิกคิดได้แล้วอีกประการ ประเภทพี่ไทยเราเก่งและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้
เพราะความจริงสังคมไทยเราหยุดชะงักเพราะทะเลาะกันเองในบ้านมาแล้วหลายปี แถม 2 ปีมานี้หนักกว่านั้นอีก คือถอยหลังสังคมให้ล้าหลังไปอีก เลือกตั้งยังไม่มีมาหลายปีแล้ว
วันนี้ในหมู่อาเซียน ชาติอื่นๆ พัฒนาก้าวหน้าไปกว่าเรามาก
พี่ไทยไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าใครอีกแล้ว