นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ผู้ประสานงานจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ 7 พรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์เรื่อง การเจรจาหาข้อยุติในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลต่างแสดงความประสงค์ส่งบุคคลในพรรคดำรงตำแหน่งนี้ ว่า พรรคร่วมรัฐบาล จะมีการหารือกันในวันที่ 30 พฤษภาคม เชื่อว่าจะมีเวลาสำหรับการหารือกันเป็นการภายใน ตามที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ย้ำไว้ว่าขอให้พรรคร่วมไปหารือกันในวงเจรจาวงเล็ก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะต้องมีวาระที่จะต้องทำก่อน หลังจากที่มีการลงนามเอ็มโอยู โดยแต่ละวาระจะมีการเตรียมตัวสำหรับการทำงานล่วงหน้าอย่างไร และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบตรงไหน
เลขาธิการพรรคก้าวไกลระบุว่า การเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีจะมีการหารือกันหลังจากนี้ในส่วนของพรรคก้าวไกลจะมีการทาบทามคนนอกเข้ามาในตำแหน่งฝ่ายบริหาร เป็นปกติในทุกรัฐบาล ที่จะเชิญคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการบริหาร โดยไม่ได้มีปัจจัยเรื่องของอายุเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้ภายในพรรคก้าวไกลยังไม่ได้คุยกันว่าใครจะดำรงตำแหน่งอะไร ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าในพรรคการเมืองอื่นอีก 7 พรรค ก็จะยังไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ เพราะว่าอาจจะยังเร็วเกินไป
นอกเหนือจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สังคมติดตามพรรคก้าวไกลที่ชนะเลือกตั้ง จะสามารถรวบรวมเสียงสมาชิกสองสภาได้ถึง 376 เสียง เพื่อโหวตเห็นชอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ จากปัจจุบันที่เป็นฝ่ายเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร รวมกับอีก 7 พรรคการเมือง มีจำนวนเสียงอยู่ที่ 312 เสียงอีกประเด็นที่สังคมจับตาควบคู่ไปกับการลุ้นการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จตามผลการเลือกตั้ง คือโฉมหน้าของคณะรัฐมนตรี จะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้งรูปแบบ และเนื้อหานำพาพัฒนา และแก้ไขปัญหาประเทศ ด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคมได้มากน้อยเพียงใด
การแต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีทุกรัฐบาลมักเกิดข้อถกเถียง วิพากษ์วิจารณ์ ความเหมาะสมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องมีตัวแทนประชาชนเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายบริหารเป็นหลัก ในขณะที่ปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขนั้น ในบางงานหรือบางกระทรวงนั้นอาจจำเป็นต้องได้นักบริหารมืออาชีพ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะมีองค์ความรู้ เข้ามามีบทบาท รับผิดชอบดูแลงานนั้นให้สำเร็จลุล่วง การดึงคนนอกที่เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ เข้ามาเป็นรัฐมนตรี โดยไม่จำกัดอยู่เพียงแต่ ส.ส. นักการเมืองเท่านั้น เป็นอีกวิธีที่จะทำให้การบริหารบ้านเมืองมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลการทำงาน การวัดการคิดใหม่ ที่สังคมคาดหวังจากพรรคก้าวไกล ก้าวแรกอาจวัดจากการเปิดกว้างคนนอก การคัดเลือกบุคคลและกระทรวงให้นั่ง โดยไม่ยึดติดกับแบบแผนเดิมของการเมืองเก่าอีกต่อไป แต่เริ่มต้นอย่างก้าวหน้า
