ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
กระจายอำนาจ ประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ
ประวัติศาสตร์ไทย เป็นประวัติศาสตร์แบบรวบอำนาจรวมศูนย์ “คลั่งเชื้อชาติไทย” แล้วใช้งานหล่อหลอม “ล้างสมอง” คนไทย และ “ไม่ไทย” นานนับศตวรรษมาแล้ว ซึ่งเป็นกรอบคิดคับแคบอันเป็นปฏิปักษ์ต่อพลังสร้างสรรค์
ดังนั้น นอกจากต้องการกระจายอำนาจการปกครองสู่ท้องถิ่น ในประวัติศาสตร์ไทยยังต้อง “ปลดล็อก” หรือยกเลิกการรวบอำนาจรวมศูนย์เรื่องคนไทยเป็นเชื้อชาติไทยแท้สายเลือดบริสุทธิ์อพยพถอนรากถอนโคนจากภาคใต้ของจีน และสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของไทย
จากนั้นให้ท้องถิ่นค้นคว้าแล้วเรียบเรียงประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตนอย่างเสรีตามหลักฐานวิชาการสากล
ประเทศไทย และคนไทย มีประวัติศาสตร์หรือความเป็นมาทั้งของดินแดนและผู้คนเป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ได้จากดินแดนและผู้คนของอุษาคเนย์และของโลก ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์หลายพันปีมาแล้ว กระทั่งสืบเนื่องต่อมาถึงปัจจุบัน
สมัยดั้งเดิมไม่มีเส้นกั้นอาณาเขต (แบบรัฐชาติสมัยใหม่) ดังนั้นอุษาคเนย์จึงมีลักษณะ “พื้นที่กว้าง คนน้อย” ดินแดนหรือพื้นที่เป็นผืนเดียวกันกว้างขวางทั่วภาคพื้นทวีปและหมู่เกาะ ส่วนผู้คนชาติพันธุ์ต่างๆ มีไม่มาก ล้วนตั้งหลักแหล่งกระจัดกระจายอยู่ห่างไกลกัน
ดินแดนประเทศไทย เริ่มจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา แล้วขยายไปลุ่มน้ำอื่น โดยสรุปมีดังนี้
(1.) สมัยเริ่มแรก พื้นที่จำกัดอยู่บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ต่อเนื่องถึงตอนบนของคาบสมุทร โดยไม่มีเส้นกั้นอาณาเขต
(2.) สมัยหลัง เริ่มมีเส้นกั้นอาณาเขต โดยผนวกเอาดินแดนบริเวณอื่นๆ ของคนกลุ่มอื่นๆ เข้ามารวม แล้วเรียกดินแดนสยาม ในที่สุดเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทย
ผู้คนในประเทศไทย “ความเป็นคน มีก่อนความเป็นไทย” โดยสรุปมีดังนี้
(1.) สมัยเริ่มแรก ไม่เรียกตนเองว่าไทย แต่เรียกตามชื่อชาติพันธุ์ตนเองซึ่งมีหลากหลาย และพูดตามชาติภาษาของตนซึ่งแตกต่างกัน
(2.) สมัยต่อมา ภาษาไท-ไตเป็นภาษากลางทางการค้าของดินแดนภายในภาคพื้นทวีป คนหลายชาติพันธุ์พูดภาษาไท-ไตเพื่อสื่อสารกับคนอื่น
(3.) สมัยหลัง ภาษาไท-ไตถูกเรียกภาษาไทย แล้วมีอำนาจทางการเมืองและการค้า ดึงดูดให้คนหลากหลายชาติพันธุ์ที่พูดภาษาไทยเป็นภาษากลางได้พูดภาษาไทยในชีวิตประจำวัน แล้วเรียกตนเองว่าไทย ในที่สุดก็กลายตนเป็นไทย หรือคนไทย
นอกจากนั้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งมีกระจายเกือบทั่วประเทศ ก็จัดแสดงเนื้อหาแบบรวบอำนาจรวมศูนย์ “คลั่งเชื้อชาติไทย” แม้บางแห่งพยายามจัดแสดงความเป็นมาท้องถิ่นนั้นๆ แต่ก็ตกอยู่ในกรอบคิดประวัติศาสตร์แห่งชาติแบบรวบอำนาจรวมศูนย์ (เหมือนเดิม) โดยเกือบทั้งหมดไม่มีประวัติความเป็นมาท้องถิ่นอันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์นั้นๆ
ดังนั้น ต้อง “ปลดล็อก” พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ให้จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของท้องถิ่นที่ “แหกคอก” นอกกรอบคิดประวัติศาสตร์แห่งชาติ
