ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
---|
วิถีแห่งกลยุทธ์ : ขึ้นบ้าน ชักบันได แผนสยบ ‘มังกร’ เจ็บ โค่น ‘โจเหมา’
หลังจากซือหม่าสูถึงแก่อนิจกรรม ซือหม่าเจียว น้องชายเข้ารับสืบทอดตำแหน่งเป็น
“ขุนพลใหญ่”
อำนาจใน “ราชสำนัก” คงอยู่ในมือ “ตระกูลซือหม่า”
โจเหมาทรงเห็นว่า อำนาจบารมีของ “ราชวงศ์” นับวันลดน้อยถอยลง ซือหม่าเจียว นับวันยิ่งเรืองอำนาจ
ให้รู้สึกคับแค้นพระทัยยิ่งนัก
จึงได้นิพนธ์กวีขึ้นมาบนหนึ่งให้ชื่อ “มังกรซ่อนตัว” พรรณนาถึงความรู้สึกอุกอั่งภายในดวงหทัย
เปรียบพระองค์ดั่งมังกรบาดเจ็บ
ถูกกักขังไว้ในเหวลึก มิอาจกระโดดขึ้นมาได้ มิอาจไปไหนมาไหนได้อย่างเป็นอิสระ ได้แต่แลดูปลาไหลมุดเลนอยู่ก้นบ่อ
จำต้องซ่อนเขี้ยวเล็บ
ใ นหนังสือ “อุบายเฉียบ” ของ “จัง ซิง แซ” เรียบเรียงออกมาว่า ซือหม่าเจียวได้อ่านบทนิพนธ์นี้บังเกิดความเดือดดาล
ชี้หน้าประณามโจเหมากลางท้องพระโรง
“ตระกูลซือหม่าของข้าสร้างคุณความดีให้แคว้นเว่ยอย่างใหญ่หลวง กล้าดีอย่างไรเอาพวกข้าไปเปรียบกับปลาไหลปลาเลน”
โจเหมาตกพระทัยรีบเสด็จกลับเข้าพระราชฐานด้านใน
ทรงรู้สึกว่าซือหม่าเจียวมีความเหิมเกริม คิดจะช่วงชิงบัลลังก์เป็นแน่จึงกล้าหลู่พระองค์ต่อหน้าธารกำนัล คงปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้
จึงตัดสินใจขั้นเด็ดขาดหาทางกำจัด
โ จเหมารับสั่งให้ หวังเสิ่น หวังจิน หวังเย่ ขุนนางใหญ่เข้าเฝ้าแล้วตรัสด้วยความแค้นพระทัย
“ซือหม่าเจียวบังอาจเพียงใดทุกท่านคงรู้ดี
ข้าไม่อาจนั่งเฉยให้มันสบประมาท หรือรอให้มันปลดออกจากบัลลังก์ วันนี้ข้าจะร่วมมือกับพวกท่านกำจัดมัน”
หวังจินทูลเตือนให้ทรงไตร่ตรองให้รอบคอบ
หวังเสิ่น หวังเย่ หวั่นเกรงว่าภัยจะมาถึงตัว คิดจะนำความไปแจ้งให้ซือหม่าเจียวทราบ
ท่าทีนี้มิอาจ “รั้ง” โจเหมาลงได้
มีรับสั่งแล้ว หยั่งดูท่าที หวังเสิ่น หวังจิน หวังเย่ แล้ว โจเหมาทรงอดรนทนไม่ไหว คว้าพระแสงดาบขึ้นรถม้านำทหารรักษาพระองค์กว่า 300 นาย
มุ่งไปยังจวนของซือหม่าเจียว
ในระหว่างทางทรงพบกับแกฉง เซงเจ ซึ่งเป็นคนสนิทของซือหม่าเจียว พร้อมกับทหารนับพัน สำคัญว่าเหล่านี้มาเพื่อจะสังหารตนจึงชักรถเข้าขวาง
“ข้าคือโอรสแห่งสวรรค์ พวกเจ้าคิดจะปลงพระชนม์ฮ่องเต้หรือ”
ทหารแกฉงเห็นเช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก บ้างหวาดผวา ใจฝ่อ หวั่นเกรงพระบารมี เซงเจรายงานแกฉงว่า
“สถานการณ์ไม่ค่อยดี ท่านเห็นว่าควรทำอย่างไร”
แกฉงสำทับด้วยเสียงอันดัง “ท่านซือหม่าเลี้ยงพวกเจ้าไว้ก็เพื่องานสำคัญในวันนี้ ยังต้องให้ข้าบอกอีกหรือ”
เซงเจชักนำไพร่พลพุ่งทะยานออกไป
ต่ออุบายในลักษณะนี้ “จัง ซิง แซ” จัดวางเอาไว้ในประเภท “ข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน” โดยสรุปอย่างเห็นเด่นชัด
หลังงานสำเร็จก็ถีบหัวส่ง หรือกระทั่งกำจัดคนที่ให้ความช่วยเหลือทิ้งเสีย
พร้อมกับลงความเห็นว่า เป็น “ยุทธวิธี” ที่คน “ไร้คุณธรรม” ใช้อยู่เสมอ เมื่อข้ามแม่น้ำได้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้สะพานอีกต่อไป
นี่ย่อมใกล้เคียงกับ “ชักบันไดออกเมื่อขึ้นไปอยู่ชั้นบนของบ้านแล้ว”
อัน สมศักดิ์ แต้มบุญเลิศชัย เห็นว่า หลอกให้ข้าศึกชะล่าใจนำทัพบุกเข้ามาโดยไม่คิดว่าจะมีอันตราย
เมื่อข้าศึกเดินทัพเข้ามาลึกแล้ว จึงปิดทางหนีแล้วจู่โจมเข้าทำลาย
กระนั้น หากพิจารณาจาก “36 กลยุทธ์” ก็อาจปรับประสานเข้ากับหลายกลยุทธ์ที่มีอยู่อย่างใกล้เคียง
ประดิษฐ์ พีระมาน อาจถอดออกเป็น “ขึ้นบ้านชักบันได”
เป็นกลยุทธ์ที่แสร้งเปิดเผยจุดอ่อน ลวงให้ข้าศึกบุกเข้ามาติดกับในยุทธภูมิคับขัน ถูกปิดล้อม บุกไม่ได้ ถอยไม่ได้
ข้าศึกจึงต้องยอมจำนน พ่ายแพ้
ใ นอรรถาธิบายแห่ง “จัง ซิง แซ” จุดประสงค์ของการรื้อสะพานมีหลายอย่าง บางทีก็เพื่อรักษาตัวรอด
หาแพะมารับผิดแทน
ทิ้งพลทหารเพื่อรักษารถ การปลงพระชนม์โจเหมา เซงเจก็คือแพะรับบาปตัวหนึ่ง
เป็นพลทหารที่รักษารถไว้
บางทีก็เพื่อปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริงของเรื่องราว ฆ่าคนเพื่อปิดทาง ทำให้เรื่องราวที่เป็นจริงกลายเป็นปริศนา
ที่ไม่มีคำเฉลยตลอดไป
ความหมายจากกรณีของโจเหมาก็คือ เมื่อโจเหมาถูกปลงชีพเบ็ดเสร็จแล้ว ซือหม่าเจียวก็เล่นบทเป็นผู้บริสุทธิ์
จำเป็นต้องจัดการเซงเจ
เท่ากับเมื่อขึ้นไปบนบ้านเรียบร้อยแล้วบันไดก็หมดความหมาย เมื่อข้ามแม่น้ำแล้วสะพานก็หมดบทบาท
ดังที่ สมศักดิ์ แต้มบุญเลิศชัย ไข
หมายถึงการใช้คนทำงานสำคัญให้ เมื่อทำสำเร็จแล้วก็กำจัดคนนั้นเสีย เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องชั่วร้ายที่เกิดจากการสั่งการ
ต้องรั่วไหล จึงทำการฆ่าปิดปากเสีย
ดังสุภาษิตที่ว่า “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล”
บุญศักดิ์ แสงระวี ย้อนหวนทวนความนัยแห่ง “ขึ้นบ้านชักบันได” แสร้งเปิดทางสะดวก ล่อให้รุก ตัดการหนุนช่วย
ให้ถึงที่ตาย เจอพิษ มิควรที่
กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า จงใจเปิดจุดอ่อนให้ข้าศึกเห็น สร้างเงื่อนไขและล่อหลอกให้ข้าศึกเข้าตี
ครั้นแล้วตัดขาดจากส่วนหน้าที่คอยสมทบ และส่วนหลังที่เป็นกำลังหนุน
บีบให้ข้าศึกเข้าไปในปากถุงที่เปิดอ้าไว้รับ หรือในวงล้อม หลุมพรางที่วางดักไว้
“เจอพิษไม่ควรที่” มีใน “คัมภีร์อี้จิง ขบ” เปรียบประดุจเคี้ยวกระดูกหรือเนื้อเหนียว
รังแต่จะทำให้ฟันชำรุด เสียหาย
หรือดั่งมักได้ในสิ่งไม่ควรได้ ย่อมจักนำมาซึ่งความวิบัติ ฉะนั้น
“ขึ้นบ้านชักบันได” มีความหมายอย่างดียวกันกับ “ข้ามคลอง รื้อสะพาน” นี่คือกลยุทธ์ที่ใช้ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ
ล่อหลอกให้ข้าศึกพินาศไปทั้งกองทัพอย่างหนึ่ง
มีความหมายค่อนข้างกว้าง 1 ในนั้นก็คือ ใช้ผลประโยชน์เล็กน้อย ล่อให้ข้าศึกเข้าปิ้ง แล้วทำลายเสียให้สิ้น
กลยุทธ์นี้ที่สำคัญ คือ บันได
เสถียร จันทิมาธร