สุจิตต์ วงษ์เทศ :ความรู้ใหม่ๆ ไม่เชื่อมสู่โรงเรียน เพราะนักวิชาการอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่เป่านกหวีด ก็เป่าสาก

สุจิตต์ วงษ์เทศ-แฟ้มภาพ

“ความรู้ใหม่อยู่กับอาจารย์มหาวิทยาลัยและนักวิชาการ ไม่ได้เชื่อมกับแบบเรียนในโรงเรียน—-”  ดร. เฉลิมชัย พันธ์เลิศ ผอ. สถาบันสังคมศึกษา สพฐ. ศธ.

“เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ สพฐ. ตกเป็นจำเลยทุกเวที ว่าแบบเรียนเก่าล้าสมัย ยังมีความเข้าใจว่าคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต ซึ่งครูผู้สอนไม่รู้ เนื่องจากข้อมูลและข้อสรุปที่เกิดจากความรู้ใหม่อยู่กับอาจารย์มหาวิทยาลัยและนักวิชาการ ไม่ได้เชื่อมกับแบบเรียนในโรงเรียน…”

ดร. เฉลิมชัย พันธ์เลิศ ผอ. สถาบันสังคมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พูดปรับทุกข์ในที่เสวนาวิชาการเรื่องพลังผู้หญิงฯ ที่ห้องประชุมโรงแรมรอแยล (รัตนโกสินทร์) ใกล้สนามหลวง กทม. บ่ายวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2559

เฉลิมชัย พันธ์เลิศ ผอ.สถาบันสังคมศึกษา สำนักงานคณะกรรมกการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (สพฐ.)
เฉลิมชัย พันธ์เลิศ ผอ.สถาบันสังคมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (สพฐ.)

ผมไม่รู้สึกประหลาดมหัศจรรย์ใจ ที่ว่าข้อมูลและข้อสรุปความรู้ใหม่อยู่กับนักวิชาการและอาจารย์มหาวิทยาลัย ไม่เชื่อมกับแบบเรียนในโรงเรียน เพราะผลทดสอบของ PISA ไทยอยู่อันดับ 55 จาก 72 ประเทศ เป็นที่ซาบซึ้งตรึงใจยิ่งแล้ว

Advertisement

สิ่งที่ สพฐ. พยายามทำขณะนี้ก็ดีอยู่ แต่ควรเริ่มทำเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ดังนั้นต้องกระชับและฉับไวมากกว่านี้ โดยหาแนวทางแบ่งปันเผยแพร่ผ่านสื่อแขนงต่างๆ ซึ่งมีมาก แต่ต้องสรุปข้อมูลให้ง่ายๆ กว่าที่ทำอยู่นี้ เพราะยังยากเกินกว่าจะรับได้ทั่วไป

 

อาจารย์มหาวิทยาลัยเป่าสาก

Advertisement

หลายปีมาแล้ว ก่อนเหตุการณ์ฝูงคนดีเป่านกหวีดเรียกทหารยึดอำนาจ ผมทำซ้ำผลิตซ้ำ เรื่องคนไทยไม่มาจากอัลไต เพราะมีรายงานเป็นระยะๆ จากผู้สื่อข่าว ว่า ครูในโรงเรียนยังสอนว่าคนไทยมาจากอัลไต อาจารย์มหาวิทยาลัยบางแห่งยังสอนอย่างนั้นด้วย

ซึ่งถือเป็นธรรมดาสำหรับประเทศด้อยพัฒนา การศึกษาเหลื่อมล้ำ ครูนักเรียนชายขอบอยู่ในฐานะต้องรอสังคมสงเคราะห์ กว่าจะรับรู้ความก้าวหน้าต้องใช้เวลานานมาก บางทีทั้งชีวิตด้วยซ้ำ

แต่ที่สำคัญ คือกองทัพไทยไม่ยอมเลิกรา ยังตอกย้ำปลุกใจคนไทยมาจากอัลไต (จนทุกวันนี้)

ผมเขียนตอกย้ำซ้ำซากด้วยต้องการบอกว่าเรื่องน้ล้าสมัยแล้ว ตำราประวัติศาสตร์ไทยควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้แล้ว แต่ไม่ยอมเปลี่ยน ก็ต้องผลิตซ้ำเรื่องๆ

มีอาจารย์มหาวิทยาลัยฝูงหนึ่งทางประวัติศาสตร์โบราณคดี มีข้อความผ่านโซเชียลเยาะเย้ยถากถางว่าเขารู้กันตั้งนานแล้ว คนไทยไม่มาจากอัลไต ยังเขียนย้ำซ้ำซากอยู่นั่นแหละ

ต่อมา นายกฯ (ที่มาจากนกหวีด) บอกต่อสาธารณะว่าคนไทยมาจากภูเขาอัลไต นับแต่นั้นอาจารย์ฝูงนี้หยุดเป่านกหวีด แล้วเป่าสาก

เมื่อได้ยิน ดร. เฉลิมชัย คราวนี้อีก ผมเดาไม่ออกว่าพวกเขาคิดยังไง? จะเป่าอะไร?

อาจารย์ฝูงนี้ไม่เคยเขียนแบ่งปันความรู้สู่สังคมบอกเล่าเรื่องคนไทยไม่มาจากอัลไต, ไม่ใช่เจ้าของน่านเจ้า, สุโขทัยไม่ใช่ราชธานีแห่งแรก ฯลฯ ไม่รู้ร้อนหนาวว่าสังคมไทยต้องการรู้เรื่องอะไร? มีคำถามตรงไหน? ฯลฯ

เพราะอาจารย์ฝูงนี้มีแต่ควบคุมนักศึกษาท่องจำตามที่พวกเขาสอน แล้วย้ำห้ามอ่านหนังสือของนักวิชาการฝ่ายตรงข้ามที่ล้วนต่อต้านเผด็จการ

 

วิชาการในราชการไทย

หลายปีมาแล้ว เมื่อแรกที่กรมศิลปากรพิมพ์หนังสือปกแข็งชื่อเกี่ยวกับวรรณกรรมสมัยสุโขทัย มีเรื่องนางนพมาศรวมอยู่ด้วย

ผมถามนักวิชาการประจำสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ว่านางนพมาศเป็นที่รู้กันกว้างขวางแล้วในวงวิชาการว่าเป็นหนังสือแต่งสมัย ร.3 ทำไมยังใส่ไว้สมัยสุโขทัย?

เจ้าหน้าที่ตอบว่าตำราประวัติวรรณคดีไทยของกระทรวงศึกษายังไม่เปลี่ยน กรมศิลปากรจึงยังไม่เปลี่ยน

ผมถามอีกว่าหลักฐานอยู่ที่กรมศิลปากร ถ้ากรมศิลปากรไม่บอกความจริงตามหลักฐานว่าหนังสือนางนพมาศแต่งสมัย ร.3 ไม่ใช่สมัยสุโขทัย จะให้ทางกระทรวงศึกษารู้อย่างไร?

เจ้าหน้าที่ไม่ตอบอะไร? บอกแต่ว่าอยู่ที่นโยบายของนาย คืออธิบดีกรมศิลปากร จะเอายังไง? ก็ทำตามนั้น

ต่อมาเมื่อพบนักวิชาการ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ (ยุคโน้น) ผมถามอย่างเดียวกันเรื่องนางนพมาศ เป็นวรรณกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ทำไมจัดไว้สมัยสุโขทัย

เขาบอกว่าต้องรอข้อสรุปจากกรมศิลปากร ถึงจะเอาเข้าที่ประชุมกรมวิชาการ เพื่อเปลี่ยนเนื้อหาตรงนี้ได้

คราวนั้น ผมรำพึงในใจไม่มีใครได้ยิน ว่า ซวยไป นักเรียนไทยทั้งประเทศ

จนถึงขณะนี้หลายสิบปีแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงอะไร? มีพยานดูได้เมื่อถึงลอยกระทงกลางเดือน 12 ของทุกปี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image