ผู้เขียน | วรศักดิ์ ประยูรศุข |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : จะช้าไปถึงไหน
คำถามถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่าทำไมล่าช้านักเกิดขึ้นหนาหูมาก่อนหน้านี้ และดังขึ้นเรื่อยๆ
เข้าสู่กลางเดือน มิ.ย. หรือเกือบ 1 เดือนหลังเลือกตั้ง 14 พ.ค. และหลังจากเสียงเจริญพรถึง กกต. กระหึ่มไปทั่วประเทศ กกต.เพิ่งรับรอง ส.ส.ชุดแรก
กกต.จะต้องรับรองผลการเลือกตั้ง เพื่อให้สภา มี ส.ส. 95% อันเป็นเกณฑ์ทำให้เปิดประชุมรัฐสภา ประชุมสภา เลือกประธานสภา และประชุม 2 สภาเพื่อเลือกนายกฯได้
ถ้าจะมีการแก้ไขกฎกติกาของประเทศในสภาชุดใหม่นี้ น่าจะต้องทบทวนกันอย่างจริงจังว่า ควรกำหนดกรอบเวลาใหม่สำหรับการเลือกตั้งให้กระชับกว่านี้หรือไม่
ในยุคก่อนๆ ซึ่งเป็นยุคอนาล็อก เทคโนโลยีและการเดินทางไม่สะดวกรวดเร็วเหมือนยุคดิจิทัล แต่การเลือกตั้ง การประกาศผล และกระบวนการต่างๆ เร็วกว่านี้เป็นเท่าตัว
การขยายกระบวนการต่างๆ ให้ยืดยาวล่าช้า เป็นไปเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมหรือเพื่อใครกันแน่
บ่ายวันอังคารที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ร่วมพูดคุยออนไลน์กับนักลงทุนต่างประเทศ 170 กว่าคนจากประเทศต่างๆ
เป็นเรื่องที่แวดวงข่าวสารให้ความสนใจ แคนดิเดตนายกฯ จากเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ต่อมาว่า คำถามจากการเสวนาคือ การจัดตั้งรัฐบาลจะเรียบร้อยเมื่อไหร่ และแนวนโยบายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจะมีอย่างไรบ้าง
“สิ่งที่เขาห่วงใยมากที่สุดคือประเทศไทย เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง มีสิ่งดีๆ อยู่เยอะมาก แต่ความไม่แน่นอนของรัฐบาลรักษาการทำให้การลงทุนหยุดชะงัก เขาอยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว”
“ผมในฐานะที่ทำงานกับพรรคเพื่อไทย ได้ยืนยันเจตจำนงชัดเจนว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทย เราอยากให้พรรคการเมืองที่ไปทำเอ็มโอยูมาจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว และอยากให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งน่าจะช่วยผ่อนคลายปัญหาไปได้มาก”
และกล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า “ก็เหนื่อย เพราะมีปัจจัยตัวแปรมาก ตัวแปรเปลี่ยนตลอด ซึ่งเป็นที่น่ากังวลของนักลงทุน หากตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว คงไม่มีแนวโน้มที่นักลงทุนจะย้ายฐานการผลิต แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ด้วย ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ก็น่าจะสนับสนุนการลงทุนในประเทศไทยได้มาก”
จะเห็นว่าเมื่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า ทำให้ประเทศต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลรักษาการ เป็นปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ
ที่สำคัญ ไม่มีใครให้ความชัดเจนได้เลยว่า รัฐบาลใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไร แต่มีความชัดเจนว่า รัฐบาลรักษาการ จะอยู่ไปได้เรื่อยๆ แม้จะเป็นปีก็ตาม
เป็นสภาพที่ไม่เป็นผลดี กับใครเลย แม้แต่คนที่ได้อยู่ในอำนาจ เพราะผิดธรรมชาติ ขัดต่อแบบแผนของการเมืองประชาธิปไตย ซึ่งกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การดำรงอยู่และสิ้นไปของบทบาทหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ในรอยต่อของการเปลี่ยนผ่าน อำนาจทางการเมือง ต้องมาจากการตีความเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ไม่ประวิงเวลา และไม่บิดเบือนบิดพลิ้ว
ประโยชน์สูงสุดและเหมาะสมจะเกิดกับทุกฝ่าย
วรศักดิ์ ประยูรศุข