วิถีแห่งกลยุทธ์ : พลิก สถานการณ์ จาก ‘รับ’ แปรสู่ ‘รุก’ ดนตรี คือ อาวุธ

วิถีแห่งกลยุทธ์ : พลิก สถานการณ์ จาก ‘รับ’ แปรสู่ ‘รุก’ ดนตรี คือ อาวุธ

ในระหว่างความสัมพันธ์ไม่ปกติระหว่างฉินกว๋อกับจ้าวกว๋อ เมื่อฉินกว๋อเสนอให้จ้าวหวางไปพบที่เหมี่ยนฉือ
เรืองรอง รุ่งรัศมี เปิด “บันทึกประวัติศาสตร์” ออกมาว่า
จ้าวหวางมีความเกรงกลัวฉินกว๋อจึงไม่อยากไปพบ แต่เมื่อเหลียนพวอแลลิ่นเซียงหยูปรึกษากันแล้วจึงพูดว่า
“หากว่าจ้าวหวางไม่ไปก็จะแสดงว่าเราอ่อนแอ ขี้ขลาด จึงควรไปดีกว่า”
ดังนั้น จ้าวหวางจึงตัดสินใจว่าจะไป แต่พาลิ่นเซียงหยูไปด้วย เหลียนพวอมาส่งพวกเขาที่ชายแดน
ก่อนจากกัน เหลียนพวอพูดกับจ้าวหวางว่า
“ท่านเดินทางไปในครั้งนี้เราควรจะคิดเผื่อไว้ว่าต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ข้าจะลองคำนวณดูเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปกลับบวกกับเวลาที่พบกันอย่างมากก็สามสิบวัน
ถ้าหากว่าถึงสามสิบวันแล้วพวกท่านยังไม่กลับมา ขอท่านโปรดอนุญาตให้แต่งตั้งราชโอรสขึ้นเป็นกษัตริย์ ทำเช่นนี้ฉินกว๋อจึงจะไม่สามารถใช้วิธีจับท่านไว้บีบเราให้ยอมตาม”
จ้าวหวางเห็นชอบให้กระทำตามนั้น

เมื่อจ้าวหวางไปพบกับฉินหวางที่เมี่ยนฉือ ในงานเลี้ยงฉินหวางดื่มสุราด้วยความรื่นเริง
และพูดกับจ้าวหวางว่า
“ข้าฟังมาว่าท่านเป็นคนที่นิยมชมชอบในดนตรีท่านจงบรรเลงเส้อให้ฟังหน่อยสิ”
จ้าวหวางจึงบรรเลงดนตรีครู่หนึ่ง
ขณะนั้น สื่อกวน ขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ที่เตรียมตัวอยู่ล่วงหน้าแล้วก็เดินมาข้างหน้า เขียนพลาง พูดพลางว่า
“ณ วันนั้น เดือนนั้น ปีนั้น
ฉินหวาง และจ้าวหวาง ดื่มสุราด้วยกัน ฉินหวางมีบัญชาให้จ้าวหวางดีดเส้อ บรรเลงดนตรี”
บรรยากาศการบรรเลงดนตรีจึง “เครียด”

ภายในความเครียดตึงเช่นนั้น ลิ่นเซียงหยูใช้วิธีหนามยอก เอาหนามบ่ง เดินเข้าไปพูดกับฉินหวาง
“จ้าวหวางได้ฟังมาว่า ฉินหวางนิยมชมชอบในดนตรีพื้นเมืองเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้ มีชามกระเบื้องที่เบื้องหน้าอยู่ชามหนึ่ง ขอให้ท่านร้องเพลงและเคาะจังหวะไปด้วย
เป็นการสร้างความครึกครื้นต่อทุกคน”
ฉินหวางโกรธมาก ไม่ยอมเคาะชามกระเบื้อง ลิ่นเซียงหยูจึงประคองชามกระเบื้องเดินไปข้างหน้าอีกหลายก้าว
แล้วคุกเข่าลงขอร้อง ฉินหวางก็ไม่ยอมเคาะ

ADVERTISMENT

ลิ่นเซียงหยูจึงโมโหสุดขีด เขาลุกขึ้นยืนโดยพลัน สองมือยกชามกระเบื้องชูขึ้นสูง ทำอาการเหมือนจะทุ่มไปที่ฉินหวาง
แล้วพูดออกมาทีละคำ
“ข้ายืนอยู่ห่างจากท่านเพียงห้าก้าว ท่านไม่เคาะ ข้าจะให้โลหิตสาดกระเซ็นไปบนร่างท่าน”
เหล่าบริวารของฉินหวางพากันจะเข้ามาฆ่าลิ่นเซียงหยู
แต่ลิ่นเซียงหยูถลึงตาจ้องมอง ร้องขู่ด้วยเสียงอันดัง จนคนเหล่านั้นตกใจกลัวและถอยหนีไป
เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ฉินหวางจึงจำต้องเคาะไปทีหนึ่ง
ลิ่นเซียงหยูรีบหันมาสั่งให้อาลักษณ์ของจ้าวกว๋อบันทึกว่า “ณ วันนั้น เดือนนั้น ปีนั้น ฉินหวางเคาะจังหวะสร้างความครึกครื้นให้จ้าวหวาง”
เหมือนกับจะจบ แต่ยังไม่จบ

เหล่าขุนนางของฉินกว๋อเห็นว่า ไม่อาจเอาเปรียบจ้าวกว๋อได้ จึงออกอุบายใหม่ว่า
“ขอให้จ้าวกว๋อยอมมอบเมืองสิบห้าเมืองเป็นบรรณาการอวยพรให้กษัตริย์ของเรามีร่างกายแข็งแรง”
ลิ่นเซียงหยูพูดต่อไปโดยทันที
“ขอให้ฉินกว๋อมอบเมืองหลวงเป็นบรรณาการอวยพรให้จ้าวหวางที่มีพลานามัยแข็งแรง”
ระหว่างการพบที่เหมี่ยนฉือ
เหลียนพวอวางกำลังทหารเป็นจำนวนมากไว้ที่ชายแดน ป้องกันการกวนของฉินกว๋อ
ดังนั้น กองทัพของฉินกว๋อจึงไม่กล้าเคลื่อนไหว

ADVERTISMENT

ด้านหลัก ย่อมเป็นการพบระหว่างฉินหวางกับจ้าวหวาง ดำเนินไปตามแผนอันฝ่ายของ
ฉินหวางจัดวางครบถ้วน
ประเมินว่ารัดกุมอย่างยิ่ง
อาศัย “ดนตรี” เป็นอาวุธ เฉพาะหน้าสำแดง “อำนาจ” เหนือกว่าเป็นการข่มและสยบให้ยอม
บังเอิญที่จ้าวหวางมีลิ่นเซียงหยู
มีความเยือกเย็นอย่างเพียงพอที่จะ “ยืมสถานการณ์สร้างกระบวนท่า เล็กแต่ทำใหญ่”
พลิกจาก “รับ” กลับกลายเป็น “รุก”

น่าสนใจอยู่ที่การตระเตรียมของจ้าวกว๋อ ดำเนินไปอย่างรอบคอบและรัดกุมเป็นอย่างสูง
ทั้งในทาง “การเมือง” และในทาง “การทหาร”
ดำเนินไปอย่างที่ ประดิษฐ์ พีระมาน สรุปอย่างรวบรัดว่า เป็น “กลยุทธ์ ต้นไม้ผลิดอก”
มีแต่ระดับลิ่นเซียงหยูเท่านั้นที่เผชิญได้อย่างเยือกเย็น
เนื่องจากผ่านการสัประยุทธ์กับฉินหวางมาแล้วในยุทธการ นำหยกคืนจ้าวกว๋อได้ชัยอย่างงดงาม
นั่นคือ สร้างกองทัพให้น่าสะพรึงกลัว
ทำให้กองทัพข้าศึกหวาดกลัว ตื่นตระหนก มิกล้าสู้รบ แตกหนี จึงถูกโจมตี พ่ายแพ้

ดังที่ บุญศักดิ์ แสงระวี ประมวลสรุป กลยุทธ์นี้มีความหมายว่าใช้แนวรบของมิตรมาสร้างแนวรบที่เป็นประโยชน์แก่เรา
แม้กำลังจะน้อย แต่ก็สามารถทำให้ดูเหมือนใหญ่โต
ดุจเดียวกับนกอินทรีที่ผกผินอยู่ในอากาศ ปีกขน กางเหยียด มีท่วงท่าน่าเกรงขาม
คำว่า “นกใหญ่โผบิน ปีกขนช่วยพาสง่างาม”
มาจาก “คัมภีร์อี้จิง รุก” หมายความว่า นกใหญ่เหินฟ้า อาศัย 2 ปีกอันแข็ง
แกร่งบินร่อน ซอกซอนไปตามปุยเมฆ มิมีสิ่งกีดขวาง
อันคล้ายกับสำนวนไทยที่ว่า “ปีกหนัก กวักละโยชน์”

กลยุทธ์นี้มองอีกแง่หนึ่งก็จะเหมือนกับคำว่า “สร้างสถานการณ์ให้เป็นประโยชน์” หรือ “ยืมมือที่สาม”
เมื่อใช้ในการทหารก็เป็นกลยุทธ์ในการยืมกำลังของผู้อื่น
มาเสริมกำลังตนให้ดูแข็งแกร่งขึ้น เพื่อสยบข้าศึกอีกอย่างหนึ่ง
ที่ว่า “ต้นไม้ผลิดอก” ก็คือ ทำให้ต้นไม้ซึ่งที่แท้ไม่มีดอกสามารถผลิดอกออกสะพรั่งให้เห็น
หมุนเปลี่ยนสถานการณ์ให้กลายเป็นผลดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image