ที่มา | คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
เผยแพร่ |
เริ่มด้วยเสียงหัวเราะของซานตาคลอสให้เข้ากับบรรยากาศคริสต์มาสเสียหน่อย
ทั้งที่ สิ่งที่เขียนต่อไปนี้ ไม่น่าขำ
เป็นเรื่องซีเรียส ระดับฝ่าฝืนกฎหมายอาญา มาตรา 116 โน่นเชียว
ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงสงครามไซเบอร์ถล่มเว็บไซต์รัฐบาลโดยลุกลามไม่จบง่ายๆ กรณีต่อต้าน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
แต่กระนั่นล่ะ ในช่วงเทศกาลแห่งความสุข
มองอะไรด้วยอารมณ์ขันบ้างก็ดี
โดยเฉพาะ ฝ่ายรัฐบาล ที่มากด้วย “อำนาจ” อาจจะลดความหัวฟัดหัวเหวี่ยงในการไล่ล่าแฮกเกอร์ ด้วยการมองอีกมุมหนึ่ง
นั่นคือ แทนที่จะ “คิด ควบคุม กำกับ ดูแล” ฝ่ายอื่น เพียงอย่างเดียว
อาจจะเพิ่มหรือเปลี่ยนไปมองในแง่บวกบ้างก็ดี ว่า การที่เขาแฮกโน่นแฮกนี่ จนพรุนไปหมดนั้น
สะท้อนให้เห็นว่า ระบบป้องกันสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของประเทศที่กำลังฝันจะไปสู่ยุค 4.0 นั้น อ่อนแอเพียงใด
รู้อย่างนี้ จะได้เลิกคิดจะควบคุม “คนอื่น”
หันไปปรับปรุงระบบป้องกันของ “ตัวเอง” บ้างก็น่าจะดี
เจอวิธีการเบสิกแค่ยุทธวิธี F5 ก็ปั่นป่วนแล้ว เจอแฮกเกอร์ระดับโลกแล้วประเทศจะเหลืออะไร
นั่นคือสิ่งที่ควรจะซีเรียส
และควรจะลดความรู้สึกปฏิปักษ์กับฝ่ายที่ต่อต้าน ว่าเป็นพวกที่มีเป้าหมายทางการเมือง
จริงอยู่ การเคลื่อนไหวของพวกต่อต้านเป็น อนาคิสต์ หรือเป็นอนาธิปไตย
แต่ก็ใช่จะบ้าคลั่ง หรือไร้เหตุผล
อ่านจุดยืนของกลุ่ม “พลเมืองต่อต้าน Single Gateway : Thailand Internet Firewall #opsinglegateway ” น่าพิจารณาดีออก
พวกเขาบอกว่า…
“สมรภูมินี้เดิมพันด้วยเสรีภาพสุดท้ายของประชาชนชาวไทย”
“ดังนั้นอย่าโลกสวย ประมาทว่าศัตรูจะยอมโดยง่าย และสงครามนี้จะจบโดยเร็ว”
“อย่าใจอ่อน เพียงเพราะคิดว่าสงครามไซเบอร์ครั้งนี้จะต้องมีคนจำนวนมากเดือดร้อน”
“ขอให้ลองคิดว่าที่ผ่านมาผู้คนที่บาดเจ็บ ล้มตาย หรือต้องสูญเสียอิสรภาพ ถูกกักขัง จองจำ มีจำนวนมากเพียงใด”
“พวกเขาเหล่านั้นถูกกระทำเพียงเพราะต้องการเสรีภาพและการแสดงออกอย่างเสรี (ในทุกเหตุการณ์ทางการเมืองและทุกสีเสื้อ) มีจำนวนมากมายเท่าไหร่ในแผ่นดินนี้”
“หากจะต้องเกิดสงครามกลางเมืองจริงๆ กับสงครามไซเบอร์ครั้งนี้ ผลกระทบมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“เพราะนี่เป็นสงครามที่ไม่เสียเลือดเนื้อ”
“ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น หลังจากการรัฐประหารปี 2557 และทำท่าจะหนักหนามากขึ้นไปเรื่อยๆ”
“แต่อย่างน้อยที่สุด วันนี้ พวกเรามีที่ยืนในโลกออนไลน์อย่างมั่นใจ”
“สมรภูมินี้ ใครจะชนะ อยู่ที่ใครจะอึดกว่าใคร”
“ใครสามารถยึดมั่นในหลักการของตนและยืนบนความถูกต้องได้นานกว่ากัน”
“แล้วการที่จะทำอะไรให้ประชาชนตื่นตัว ในขณะที่รัฐบิดเบือนข่าว ปิดข่าวได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
อ่านแล้วอย่าเพิ่งเชื่อ หรือไม่เชื่อ
คิดกันให้หลายๆ รอบ
และควรตระหนักว่า ไม่ได้มีเพียง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่ต้องแก้ไข
ยังมี พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่ต้องช่วยกันติดตามอีก
ดังนั้น “ฝ่ายรัฐ” ควรเปิดช่องให้แลกเปลี่ยนกันมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ดีกว่า
การกวาดจับมือแฮกไป 5 คน และขู่ว่าจะมีอีกเป็น 100 จะหยุดพวกเขาได้หรือไม่ยังเป็นคำถาม
เมื่อเขาประกาศเป็นผู้ไร้ตัวตน เป็นอากาศธาตุ ที่แอบเอา “กรวด” มาใส่ถุงเท้า ให้รำคาญใจอยู่ไม่หยุดหย่อน ไปโกรธ ไปหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพราะ “อำนาจ” ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีผลอะไร
นอกจากได้ยินเสียงหัวเราะ โฮ่ โฮ่ โฮ่ อันเสียดแทงใจ