ผู้เขียน | เชตวัน เตือประโคน |
---|
สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีต่อ “รัฐบาล” ล่าสุด ทำเอาอ้าปากค้าง หนังตาตึง หูผึ่ง แต่เหมือนไร้การได้ยินสรรพเสียงใด
“รัฐประหารดีกว่าเลือกตั้ง” – เหมือนจะเป็นสิ่งที่ผลโพลนี้สรุป
โพลระบุที่มาการสำรวจ เป็นความเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,077 คน ระหว่างวันที่ 19-24 ธันวาคม 2559 มีคำถาม 3 ข้อที่ใช้ คือ
1.ข้อดี-ข้อเสีย ของรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร
2.ข้อดี-ข้อเสีย ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
และ 3. เมื่อเปรียบเทียบระหว่างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มาจากรัฐประหาร กับ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีความคิดเห็นอย่างไร
ในส่วนคำถามที่ 1 และ 2 นั้น ผลออกมาอยู่ในสัดส่วน ดี-เสีย พอ ๆ กัน ชนิดตีคู่เบียดกันมาในแต่ละรายละเอียด ไม่มีใครดีกว่ามากและเสียกว่ามาก ซึ่งหากจะถามหาผู้ชนะ บางทีอาจต้องตัดสินกันด้วยภาพถ่าย
แต่ในข้อ 3 นี่สิที่ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นมากที่สุด และกลายข่าวใหญ่ให้ “นายกฯ ลุงตู่” ได้ยิ้มแก้ปริ
‘ฉันเชื่อโพล ฉันจึงมีอยู่’ เผลอ ๆ บางทีอาจจะมีใครแอบคิดอย่างนั้นหรือไม่?
เพราะ 48.84% เห็นว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มาจากการรับประหารดีกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะ ทำงานได้เร็ว คล่องตัว มีอำนาจพิเศษ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน มีผลงานให้เห็น
ขณะที่ 23.72 % เห็นว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งดีกว่า เพราะ มาจากเสียงของประชาชน เป็นประชาธิปไตย รู้ปัญหา มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ
เทียบกันแบบ “ปอนด์ต่อปอนด์” ในประเด็นนี้ถือว่าฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ชนะขาดกว่าเท่าตัว
นี่เองที่บอกว่า “เป็นสิ่งที่ทำให้ ต๊กกะใจ !!!!!! (ใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์ถี่ๆหน่อย)
หากสุดท้าย เมื่อได้นิ่งทบทวน และคิดวิเคราะห์ถึงสถานการณ์บ้านเมืองหลังจากรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ก็พอจะเข้าใจอะไรได้ แล้วก็เริ่มที่จะปลงลงไม่อ้าปากค้าง ไม่หนังตาตึง และหูผึ่งเหมือนอย่างตอนแรก
ด้วยกว่า 2 ปี นับแต่รัฐประหาร สิ่งที่ประชาชนได้เห็นจากสื่อคือ “แอคชั่น” ของนายกรัฐมนตรีและคณะทหาร ซึ่งมีความเด็ดขาด จริงจัง ปรู๊ดปร๊าดรวดเร็ว เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ถูกนำเสนออกไป
ขณะที่ฝ่ายการเมือง นับถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการ “ปลดล็อก” ให้ออกมาแสดงความเห็นอะไรได้
ส่วนนักวิชาการ นักศึกษา ฝ่ายเห็นต่าง ล้วนแต่โดนเรียกปรับทัศนคติจนไม่อยากจะปริปากอีก บางคนก็โดนคดีความยาวเป็นหางว่าว
เหลือตัวแสดงเพียง “ฝ่ายรัฐประหาร” หรือ “รัฐทหาร” อย่างเดียว
ประกอบกับตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยดำรงอยู่ในห้วงความขัดแย้งแห่งสงครามสีเสื้อ สีเหลืองไป สีแดงมา สลับสับเปลี่ยนกันอยู่อย่างนี้จนดูว่าบ้านเมืองเต็มไปด้วย “การทะเลาะเบาะแว้ง” ดังนั้น หลังการมาของ “นายกฯ ลุงตู่” จึงมองเหมือนบ้านเมือง “สงบ”
แต่ถามหน่อยว่า “สงบจริง” หรือ “ถูกทำให้สงบ”
บางที ประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มสำรวจจากสวนดุสิตโพลอาจตอบคำถามนี้ได้ดี