เดินหน้าชน : ปชต.แบบไหน?

ดูเหมือนว่ามีความพยายามขัดขวางการเป็นนายกรัฐมนตรีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล 

และการขัดขวางไม่ให้ก้าวไกลเข้ามาเป็นรัฐบาล จะดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

เริ่มจากประเด็นการถือหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธา เป็นกระแสมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 14 ..66

การเลือกตั้งผ่านไป พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งอย่างพลิกความคาดหมาย ประกาศสร้างมาตรฐานการเมืองใหม่

Advertisement

มาพร้อมการเดินหน้านโยบายต่างๆ เข้าหามวลชน เดินสายไปพื้นที่ต่างๆ 

ประกาศความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ในฐานะผู้ชนะการเลือกตั้ง และสามารถรวบรวมเสียงได้มากที่สุด 312 เสียง จาก 8 พรรคการเมือง

แต่หลังจากนั้น กกต.มีมติส่งศาล รธน.วินิจฉัยปมหุ้นไอทีวี และขอให้นายพิธาหยุดทำหน้าที่ ส.. โดยไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจง

Advertisement

ที่สำคัญ เป็นวันเดียวก่อนหน้าจะมีการโหวตเลือกนายกในที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 13 ..66

ส่งผลให้บรรดา ส..ที่เคยรับปาก พลิกกลับ เทพรรคก้าวไกล ไม่มาโหวตให้นายพิธา ทั้งที่แสดงท่าทางสนับสนุนมาตลอด 

บรรยากาศในที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อลงมติ วันที่ 13 .. เป็นไปตามท่าทีจากแกนนำ ส..ฝั่ง 2 ลุง ออกตัวมาก่อนหน้านั้น

..พยายามอ้างถึงประเด็นการแก้ไข ม.112 ทั้งที่ ส..หลายคนไม่กังวล

กลับมาเจอกับกระแส ส..ผนึกกำลัง เกิดการล็อบบี้อย่างหนัก 

เกิดกระแสข่าวบิ๊กธุรกิจและผู้มีอำนาจร่วมลงขันประสานเครือข่ายบล็อกเต็มที่ เพราะไม่ไว้ใจนโยบายก้าวไกล

บางส่วนกลัวจะกระทบธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ได้รับผลกระทบเต็มๆ

บางส่วนไม่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันแบบนี้ 

แม้จะรู้ดีว่าเป็นกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ 

แต่การเปลี่ยนแปลงบางอย่างต้องใช้เวลา มีกระบวนการ

พูดคุย เพื่อเป้าหมายให้เกิดการอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข

จึงเกิดรายการ ส..ไม่มาตามนัด ผลการโหวตนายพิธา พลาดเป้าไปจากที่ทางพรรคก้าวไกลประเมินไว้ ได้เสียงหนุนมาแค่ 13 ..

ที่เหลือมีทั้งโหวตไม่เห็นชอบ งดออกเสียง และไม่มาประชุมดื้อๆ ซะอย่างนั้น

โลกโซเชียลร้อนฉ่าขึ้นมาทันที เมื่อด้อมส้มออกมาตอบโต้ เปิดโผเครือข่ายธุรกิจ ส.. 

และเตรียมจะไปค้นข้อมูล เปิดบัญชีทรัพย์สิน ส..กลุ่มดังกล่าวเพื่อเอาคืน

เพราะมองว่าไม่คำนึงถึงเสียงประชาชนเลือกมาชนะเป็นอันดับ 1 แต่กลับถูกขัดขวางจาก ส..

แต่ด้าน ส..ก็ออกมาตอบโต้ ประกาศทวงศักดิ์ศรี ดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้กล่าวหาในทุกช่องทางเช่นกัน

สถานการณ์เริ่มตอบโต้กันหนักขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเวลาผ่านไปดูเหมือนการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรค ดูง่อนแง่นเต็มที สอดคล้องกับกระแสดีลลับก่อนหน้านี้

เมื่อช่วงก่อนการเลือกตั้ง พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางไปเมืองนอก 

มีคนสงสัยว่าไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังจะเดินทางกลับประเทศไทย ประกาศยอมถูกดำเนินคดี เพื่อขออยู่ใกล้ครอบครัว จริงหรือไม่

มีการพูดกันไปถึงขั้นที่ว่าจะให้ พล..ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแลกกับบางเงื่อนไข

ประเด็นนี้ทั้งสองฝ่ายก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการพบกัน

พรรคเพื่อไทยถึงกับออกมาเล่นบทหวานแหววแต๋วจ๋า บอกว่ามีแต่ดีลรักกับพรรคก้าวไกล ไม่มีดีลลับกับพรรคอื่น สร้างความฮือฮาอยู่ช่วงหนึ่ง

ถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าเส้นทางการจัดตั้งรัฐบาลของก้าวไกลจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ 

เพราะถูกขัดขวางจากหลายฝ่ายอย่างหนักแน่น และหนักหน่วง

จึงสร้างความงุนงง จนเกิดคำถามขึ้นว่า จริงๆ แล้ว ประเทศไทยเราเป็นประชาธิปไตยแบบไหนกันแน่

แต่ก็เริ่มมีเสียงหนุนจากฝ่ายก้าวไกลเอง ขอให้อดทนรอ เก็บรวบรวมพลังจากคนรุ่นใหม่ 

อาจจะเป็นฝ่ายค้านก่อน แล้วพยายามสร้างผลงานให้เข้มข้นขึ้นอีก 

เพื่อเอาชนะใจประชาชนเทคะแนนเสียงให้มากกว่านี้ให้ได้ 

เพราะเชื่อว่าโลกยุคใหม่ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะคนรุ่นเติบโตขึ้นทุกวัน 

สิ่งสำคัญ หลายคนกลัวว่า หากเกิดการต่อต้าน เกิดการชุมนุมประท้วง จะแสดงออกอย่างไรไม่ว่าตามกฎหมาย

แต่หากสุ่มเสี่ยงจะเกิดความรุนแรง จะกระทบกับคนทั้งประเทศ

ย่อมไม่เป็นผลดีกับใครแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image