ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
ย่าแม่สีเมือง วัดสีเมือง อยู่เวียงจัน (ลาว) มีคำบอกเล่าเกี่ยวข้องกับผีบรรพชนเพศหญิง คือ แม่สี (หรือ นางนาค) หลายพันปีมาแล้ว ตั้งแต่ยุคก่อนรับอินเดีย
แม่สี คือ นางนาค ผีบรรพชนเพศหญิง
คำว่า สี กร่อนจากคำเขมรว่า สรี (อ่านว่า สะ-เร็ย) มาจากคำว่า สตรี แปลว่า ผู้หญิง (แต่โดยทั่วไปเข้าใจคลาดเคลื่อน เขียนอย่างคำสันสกฤตว่า ศรี)
มีการละเล่นเข้าทรงแม่สี (ผีบรรพชนคนลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่รับจากประเพณีของคนโตนเลสาบในกัมพูชา) ในหน้าแล้ง ฤดูร้อน (ราวมีนาคม-เมษายน) เพื่อขอฝน แล้วทำนายทายทักการทำมาหากิน และพืชพันธุ์ธัญญาหารในฤดูการผลิตหน้าว่าจะดีร้ายอย่างไร? จะได้เตรียมรับสถานการณ์
[หลังรับพิธีสงกรานต์จากอินเดีย ก็ปรับเข้าทรงแม่สี เล่นในประเพณีสงกรานต์ที่รับมาใหม่]
ย่าแม่สีเมือง
วัดสีเมือง มีคำบอกเล่าเก่าแก่ว่าเกี่ยวข้องกับสาวชื่อ สี เป็นหญิงท้องแก่ ยอมสละชีวิตพร้อมลูกในท้อง เรียก “ตายทั้งกลม” เป็นผีอารักษ์เสาหลักเมืองเวียงจัน จะคัดจากเอกสาร สะกด “เวียงจันทน์” มาจัดย่อหน้าใหม่ให้อ่านง่าย ดังนี้
“มีผู้หญิงผู้หนึ่งชื่อว่า ‘สาวสี’ ตามคำบอกเล่าเชื่อกันมาของชาวเวียงจันทน์ในเวลาที่เจ้าไชยเชษฐาธิราชสถาปนานครหลวงเวียงจันทน์ขึ้นเป็นเมืองหลวงแทนเมืองหลวงพระบาง ในปี ค.ศ. 1564
ในขณะที่จัดตั้งเสาหลักเมืองนี้ ได้สาวสีซึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์ได้หลายเดือนเสียสละชีวิตของตนเองโดยยอมลงไปในหลุมดังกล่าว เพื่อฝังตนเองไปพร้อมกับเสาหลักเมือง
ตั้งแต่นั้นมาได้มีการสร้างวัด ณ ที่นั้น และนำเอาชื่อสาวสีมาตั้งเป็นชื่อวัดว่า ‘วัดสีเมือง’
ชาวเวียงจันทน์ได้เรียกสาวสีว่า ‘ย่าแม่สีเมือง’ ทุกปีก่อนจะมีบุญนมัสการที่พระธาตุหลวงจะต้องมีการจัดพิธีกรรมทำบุญอยู่ที่วัดสีเมืองก่อน
ในปัจจุบันความศรัทธาต่อสาวสีในฐานะแม่ ยังแพร่กระจายไปยังชาวลาวที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศที่สาม ได้ขอให้พ่อแม่ของตนที่อาศัยอยู่ในประเทศลาว ไปขอให้ย่าแม่สีเมืองช่วยแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งถิ่นฐานใหม่ของตนเอง”
[จากบทความเรื่อง “‘แม่’ คือ แม่ การแสดงบทบาทผู้หญิงที่เหนือสถานภาพผู้หญิงในสังคมลาว” โดย ผศ. ดร. วศิน ปัญญาวุธตระกูล (ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในหนังสือ พลังผู้หญิงฯ (พิพัฒน์ กระแจะจันทร์ บรรณาธิการ) สำนักงานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2559 หน้า 91-104 อ้างถึง มะยุรี เหง้าสีวัทน์ ผู้หญิงลาว (1993)]
หญิงท้องแก่
หญิงท้องแก่ ถูกทำให้ตายเป็นผีเฝ้าหลุมเสาศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่สำคัญ เป็นความเชื่อมีทั่วไปในภูมิภาคนี้ ยังพบในพงศาวดารมอญพม่า เมื่อพระเจ้าฟ้ารั่ว (มะกะโท) สร้างปราสาทในเมืองเมาะตะมะ ดังนี้
“พระเจ้าฟ้ารั่วให้สร้างปราสาทในเมืองเมาะตะมะ ในวันยกเสาปราสาทนั้นเป็นวันพฤหัสบดี เดือน 6 แรม 3 ค่ำ นักขัตฤกษ์ 22 เป็นราชาฤกษ์ จึงมุขมนตรีและคนทั้งปวงพร้อมกันคอยหาฤกษ์และนิมิต
ครั้นถึงเวลากลางวันพอหญิงมีครรภ์คนหนึ่งเดินมาริมหลุม คนทั้งปวงพร้อมกันว่าได้ฤกษ์แล้ว ก็ผลักหญิงนั้นลงในหลุมเสาเอก แล้วตัดเชือกที่ผูกเสาปราสาทให้ขาด เสาปราสาทนั้นก็ลงไปในหลุม ทับสตรีมีครรภ์นั้นตาย
โลหิตสตรีนั้นกระเด็นขึ้นมากลายเป็นอสรพิษสี่ตัวสองหน อสรพิษเจ็ดตัวนั้นตายอยู่ที่ริมปากหลุม อสรพิษตัวหนึ่งเลื้อยไปข้างทิศตะวันตกแล้วจึงตาย
โหราจารย์แต่ก่อน ทำนายไว้ว่า ในวงศ์กษัตริย์พระเจ้าฟ้ารั่ว จนถึงกษัตริย์ทรงพระนามพระยาอู่เป็น 8 องค์ด้วยกัน กษัตริย์เจ็ดองค์นั้นจะสิ้นพระชนม์ในเมืองเมาะตะมะ แต่พระยาอู่กษัตริย์ที่สุดเป็นคำรบ 8 นั้น จะไปได้เสวยราชสมบัติในเมืองหงสาวดีแล้วจึงสิ้นพระชนม์
ครั้นสร้างปราสาทเสร็จแล้ว พระเจ้าฟ้ารั่วก็ได้เสวยราชสมบัติอยู่ในปราสาท เป็นปฐมกษัตริย์ในเมืองเมาะตะมะ”
[จากหนังสือ พงศาวดารมอญพม่า (ร.4 โปรดให้แปลจากภาษารามัญ เมื่อ พ.ศ. 2400) พิมพ์รวมอยู่ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 1]
หินตั้ง แทนพระประธาน
ไม่มีพระพุทธรูปประธานในโบสถ์วัดสีเมือง เวียงจัน (ลาว) ตำแหน่งพระพุทธรูปประธานตั้งแทนที่ด้วยแท่งหินสี่เหลี่ยมขนาดมหึมา
ชาวบ้านกราบไหว้ปิดทองแท่งหินนี้เป็นปกติเหมือนกราบไหว้พระพุทธรูปประธาน
วัดสีเมือง ตั้งอยู่บนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชุมชนดั้งเดิมยุคก่อนอินเดีย (หมายถึง ก่อนรับศาสนาจากอินเดีย) แท่งหินสี่เหลี่ยมมหึมา คือ หินตั้งในศาสนาผี เป็นศูนย์กลางของชุมชน สถานที่ทำพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ โดยหมอผีหัวหน้าพิธีกรรมเป็นผู้หญิง สืบเนื่องหลายพันปีมาแล้ว
หลังโบสถ์วัดสีเมืองมีซากปราสาทศิลาแลง (หรือ กู่) สถาปัตยกรรมพุทธมหายานแบบชัยวรมัน 7 ราวหลัง พ.ศ. 1700 เป็นพยานว่าบริเวณวัดสีเมืองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มานานมาก ก่อนมีโบสถ์หลังปัจจุบัน
เท่ากับแท่งหิน หรือหินตั้งอยู่หน้าปราสาทศิลาแลงมาแต่เดิม เมื่อสร้างโบสถ์สมัยหลังก็คร่อมหินตั้งไว้แทนพระประธาน
แสดงว่าความเชื่อดั้งเดิมในแม่สี มีแข็งแรงจนพุทธทำลายไม่ได้
การสร้างอาคารทางศาสนาพราหมณ์-พุทธ คร่อมพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาผี (ยุคก่อนประวัติศาสตร์) เคยมีหลายแห่ง เช่น
วัดชมชื่น อ. ศรีสัชนาลัย จ. สุโขทัย, ปราสาทเมืองสิงห์ อ. เมือง จ. กาญจนบุรี, ปราสาทพนมวัน อ. เมือง จ. นครราชสีมา ฯลฯ