ผู้เขียน | พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก |
---|
คนเก่งใจบุญ แสนจะเผื่อแผ่…ฮง เตชะวณิช
ไม่นานมานี้…ผู้เขียนมีโอกาสสนทนากับพลตรีเจริญ เตชะวณิช ที่เกษียณอายุราชการมาแล้ว ท่านเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 7 นักรบกระดูกเหล็ก ผอม ไร้ไขมัน มีชื่อเสียงในฐานะนักรบเดนตายในสมรภูมิลาว และอีกหลายสมรภูมิในประเทศ โดยเฉพาะ “เขาค้อ”
ปัจจุบันท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสมาคมนักรบนิรนาม 333 (อดีตทหาร-พลเรือน ที่สมัครไปรบในลาว ช่วงปี พ.ศ.2503-2514)
ในการสนทนาระหว่างพี่-น้อง “ทหารแก่” บนโต๊ะอาหาร 8 คน พี่เจริญยังคงมุ่งมั่นที่จะเติมแต่ง “อนุสรณ์สถาน” ของ “ทหารนิรนาม 333” ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ต้องการจัดสร้างรายชื่อแบบตัวนูนของ ผู้เสียชีวิต 1,944 นาย ขณะที่ยังคงมีรายชื่อกำลังพล จำนวน 758 นาย ที่สูญหายไปในสนามรบ ซึ่งต้องใช้เงินอีกราว 6 ล้านบาท
ผู้เขียน…ชวนพี่เจริญไปคุยเรื่องต้นตระกูลเตชะวณิช ที่มีชื่อถนนและสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ ที่มาจากการอุทิศของบรรพบุรุษ …พี่เจริญไม่ลังเลที่จะกล่าวถึงบรรพบุรุษด้วยความภาคภูมิใจ
คุณฮง เตชะวณิช เป็นคุณทวดของพี่เจริญ
รองหัวหมื่น พระอนุวัตน์ราชนิยม (ฮง เตชะวณิช) มีชื่อจีนว่า แต้หงี่ฮง ยี่กอฮง เกิดเมื่อ พ.ศ.2394 แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเกิดในประเทศไทย หรือเกิดในแผ่นดินจีนแล้วอพยพมาเมืองไทย
ประวัติของ “ยี่กอฮง” (ที่มีข้อมูลว่าเกิดในไทย) เป็นบุตรนายเกีย แซ่แต้ ชาวจีน กับนางเกิด ชาวไทยซึ่งเมื่อตอนเกิดนั้น นายเกีย ผู้เป็นบิดาได้ตั้งหลักฐานอยู่ในพระนคร โดยเปิดร้านค้าขายผ้าอยู่ที่หัวมุมสี่กั๊กพระยาศรี เสาชิงช้า ด้านถนนบำรุงเมือง
เมื่ออายุประมาณ 7 ขวบ บิดาและมารดาถึงแก่กรรม ญาติฝ่ายบิดาที่เป็นคนจีนจึงรับกลับไปอยู่ที่เมืองจีน
พ.ศ.2409 เมื่ออายุ 16 ปี จึงกลับมาเมืองไทยและไม่ได้กลับไปเมืองจีนอีกเลย เข้าทำงานเป็น “เสมียนโรงบ่อน” ของพระยาภักดีภัทรากร (เล่ากี้ปิง)ที่ค้าขายอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
แต่งงาน…เป็นลูกเขยของคหบดีย่านตลาดสันป่าข่อย
อายุได้ประมาณ 30 ปี “ยี่กอฮง” ล่องแพนำสินค้าลงมาขายอยู่แถวบริเวณหน้าจวนของท่านเจ้าคุณโชฎึกราชเศรษฐี บริเวณวัดอรุณฯ เมื่อค้าขายไปได้สวยร่ำรวยเงินทอง “ยี่กอฮง” จึงตัดสินใจมาตั้งรกรากทำการค้าอยู่ที่พระนครโดยถาวร
ยี่กอฮง ประกอบกิจการค้าหลายอย่าง แต่ที่ได้สร้างฐานะให้ท่านจนรุ่งเรืองก็คือการเป็น “เจ้าภาษี” ทำโรงต้มกลั่นสุรา โรงบ่อนเบี้ย โรงหวย กอขอ ที่สามารถทำเงินเข้าท้องพระคลังได้มหาศาล
หวยกอขอ เป็นที่นิยมของชาวสยามแบบ “เมามัน”
ยี่กอฮงจึงได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้จัดการดำเนินการควบคุมบ่อนเบี้ยหวยกอขอ โดยให้ทำการออกหวยวันละ 2 ครั้งในช่วงสายและเย็น ซึ่งท่านก็ทำหน้าที่นี้ได้ดีเยี่ยม สามารถหาเงินส่งส่วยเข้าท้องพระคลังหลวงได้จุใจ ต่อเนื่อง
ยังทำธุรกิจเป็นเจ้าของกิจการเดินเรือกลไฟจีน-สยาม
พ.ศ.2493 และท่านได้เลือกทำเลเพื่อปลูกคฤหาสน์อยู่ตรงสถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชยในปัจจุบัน
ยี่กอฮงมีส่วนในการบริจาคทรัพย์สินและได้สร้างสาธารณประโยชน์ไว้อย่างคณานับ เช่น ถนนเตชะวณิช สะพานฮงอุทิศ สะพานนิยมนฤนาถสะพานอนุวัฒนโรดม โรงเรียนวัดสะพานสูง โรงเรียนเผยอิง ศาลเจ้าเก่าถนนทรงวาด ศาลเจ้าไต้ฮงกง ก่อสร้างท่าน้ำฮั่วเซี้ยม
ริเริ่มก่อตั้ง “โรงพยาบาลเทียนฟ้า”
ท่านเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” โดยชักชวนเหล่าพรรคพวกเพื่อนฝูงในสมัยนั้นมาร่วมกันสร้างมูลนิธิช่วยเหลือผู้ยากไร้ตกทุกข์ได้ยากและสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เด็กที่เรียนดีแต่ยากไร้
เป็นผู้มีส่วนในการรณรงค์หาเงินเข้า “สภา กาชาดไทย” อย่างมากมาย บริจาคเงิน 10,000 บาท ในการก่อสร้างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยได้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์หมายเลข 9
13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2461 เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในแต้จิ๋ว ยี่กอฮงก็ได้ระดมเงินบริจาคจำนวนมหาศาลจากเมืองไทยไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากในดินแดนบ้านเกิด
20 พฤศจิกายน พ.ศ.2451 เมื่อครั้งที่ซุน ยัตเซ็น เดินทางมาถึงไทยในวันที่ยี่กอฮงได้ให้การต้อนรับ หลังจากพูดคุยกับซุน ยัตเซ็น ที่คฤหาสน์ของท่านแล้ว ยี่กอฮงตัดสินใจ “ตัดผมเปียทิ้ง”
สาบานเป็นพี่น้องกับซุน ยัตเซ็น ที่อายุอ่อนกว่า
ซุน ยัตเซ็น ได้ตั้งชื่อให้ยี่กอฮงว่า ตี้ย้ง () หมายถึงผู้ที่มีพร้อมทั้งปัญญาและความกล้าหาญ
ยี่กอฮงที่เก่งสารพัดยังได้รับพระราชทานตำแหน่งขุนนางฝ่ายพลเรือนระดับ 1 ชั้นโทจากราชวงศ์ชิง ในเวลาเดียวกัน…ก็เป็นขุนนางจีนในสยามที่ได้รับพระราชทานตำแหน่งขุนนางระดับสูงที่สุดในไทย
กาลเวลาผ่านมาถึงรัชสมัยในหลวง ร.6 ท่านทรงทราบถึงคุณความดีและทรงพอพระทัยอย่างมาก จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระอนุวัตน์ราชนิยม” รองหัวหมื่น กรมมหาดเล็ก เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2461
28 กรกฎาคม พ.ศ.2461 พระราชทานนามสกุล “เตชะวณิช” ตำแหน่งนายอากร
5 มีนาคม พ.ศ.2480 รองหัวหมื่น พระอนุวัตน์ราชนิยม ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบในบ้านของท่าน สิริอายุรวม 86 ปี ในย่านชุมชนกุฎีจีน ศพของท่านได้นำกลับไปฝังที่สุสานในเมืองปังโคย ประเทศจีน
หลังจากท่านเสียชีวิต หลวงอดุลเดชจรัส ผู้เป็นอธิบดีกรมตำรวจในสมัยนั้น มีความต้องการใช้บ้านของท่านมาเป็นโรงพักกลางแทนโรงพักสามแยกที่ถูกไฟไหม้เสียหายไป จึงทำการรื้อตัวอาคารเดิมทั้งหมดทิ้งลง แล้วสร้างอาคารใหม่ขึ้นมาแทน และสร้าง “ศาลพ่อปู่เจ้ายี่กอฮง” ไว้บนโรงพักแห่งนี้ด้วย
มีเกร็ดประวัติที่น่าสนใจ…ตอนที่ท่านรับหน้าที่คุมบ่อนเบี้ยหวยนั้นกล่าวกันว่า… ท่านได้ให้ความสนใจในเรื่อง “วิชาคาถาอาคม” ของไทย เป็นที่กล่าวขานกันว่าท่านนั้นเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า
ในคราวที่ท่านคุม “บ่อน” ที่ “สามยอด” นั้น ท่านก็นำวิชาอาคมที่เล่าเรียนมาใช้ป้องกันสะกดฝ่ายตรงข้ามที่จะเข้ามาใช้เวทมนตร์คดโกง หรือเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับบ่อนของท่านอยู่บ่อยครั้ง
ทำพิธีอย่างถูกต้องตามตำราอย่างสมบูรณ์ จนทำให้กิจการบ่อน-หวยของท่านเจริญรุ่งเรืองอย่างหาใครเทียบไม่ได้เลยในสมัยนั้น
สถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชย เขต 1 โรงพักสามแยก เปลี่ยนเป็น สถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชย เขต 2 โดยที่ทำการทั้ง 2 สน.ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งเป็นที่ดินบริจาค ขนาดพื้นที่ 3 ไร่ 156 ตร.ว. ของรองหัวหมื่น พระอนุวัตน์ราชนิยม (ฮง เตชะวณิช)
ทุกวันที่ 5 มีนาคมของทุกปี ทายาทร่วมกับผู้ที่เคารพเลื่อมใสและตำรวจ สน.พลับพลาไชย จะจัดทำบุญเพื่อระลึกถึงท่าน
ในวงสนทนา… พี่เจริญ เตชะวณิช พรรณนาถึง “บรรพบุรุษ” อย่างปลาบปลื้ม และผู้เขียนไปค้นคว้ามาเพิ่มเติมมาบอกเล่าในมหากุศลคุณความดีที่ “รองหัวหมื่น พระอนุวัตน์ราชนิยม” (ยี่กอฮง) ได้สร้างไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิต ที่มีคุณค่าคือ
โรงเรียนป้วยเอง หรือโรงเรียนเผยอิง รัชกาลที่ 6 เสด็จฯไปทรงเปิดเมื่อ 24 พฤษภาคม 2463
โรงเรียน “ช่องฟ้าซินเซิงวาณิชบำรุง” จังหวัดเชียงใหม่ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2444
คณะเก็บศพไต้ฮงกง หรือมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในปัจจุบัน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2439
ถนนเตชะวณิช สะพานอนุวัตน์วโรดม สะพานนิยมนฤนาถ สะพานฮงอุทิศ ริเริ่มก่อตั้งโรงพยาบาลหัวเฉียว บริจาคเงินซื้อเรือรบหลวงพระร่วง
เรื่องโดดเด่น…ที่ต้องนำมากล่าวถึงคือ โรงเรียนโยธินบูรณะ
ย้อนไป 8 มกราคม พ.ศ.2460 รองหัวหมื่น พระอนุวัตน์ราชนิยม (ฮง เตชะวณิช) มีจิตศรัทธาออกเงินสร้างโรงเรียนขึ้นในวัดสะพานสูง บางซื่อ โดยมีอาคารเรียนไม้ 2 ชั้น เครื่องไม้ เสา คานไม้มุงกระเบื้องซีเมนต์ กว้าง 14 เมตร และยาว 25 เมตร แบ่งออกเป็นห้องเรียน 8 ห้อง ห้องประชุม 1 ห้อง และห้องพักครู 1 ห้อง
8 มกราคม 2461 ในหลวง ร.6 เสด็จฯมาเป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรียน พระราชทานนามว่า “โรงเรียนอนุวัฒน์ศึกษาคาร”
ต่อมามีนักเรียนเพิ่มมากขึ้น พื้นที่ของโรงเรียนเริ่มคับแคบ คณะกรรมการโรงเรียนไปขอที่ดินของทหาร 3 หน่วยมาเพิ่ม จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นผู้อนุมัติ… กลายเป็นที่ดินกว่า 9 ไร่
กระทรวงธรรมการเห็นว่าที่ดินผืนนี้กว้างขวางและตั้งอยู่ในทำเลระหว่าง “โรงเรียนวัดสะพานสูง” และ “โรงเรียนมัธยมวัดจันทร์สโมสร”จึงเห็นสมควรที่จะย้ายนักเรียนทั้ง 2 โรงเรียนมารวมกัน และตั้งชื่อโรงเรียนแห่งใหม่นี้ว่า โรงเรียนมัธยมโยธินบูรณะ ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็น โรงเรียนโยธินบูรณะ ที่มีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้
วงสนทนาของพี่-น้อง “ทหารแก่” ปลื้มใจเป็นที่สุดที่ได้มีโอกาสได้รับทราบประวัติของยี่กอฮงผู้มากความสามารถ ทำมาค้าขายเก่ง จิตใจเอื้อเฟื้อ สร้างสรรค์สังคมมหาศาล
ชีวิตชาวไทยเชื้อสายจีนคนนี้…มีคุณค่าต่อแผ่นดินไทย