ทางสองแพร่งทางการเมืองในขณะนี้
สำหรับหลายคน การเมืองมาถึงทางหลายแพร่ง มีทางเลือกหลายทาง แต่ในความเห็นของผม น่าจะมีทางเลือกเพียงสองทาง คือ 1) พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้โดยพึ่งเสียง ส.ส. เป็นสำคัญ ได้เสียง ส.ว. เท่าไรก็เท่านั้น 2) พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้โดยพึ่งเสียงของ ส.ว. เป็นสำคัญ ได้เสียง ส.ส. ประมาณ 250 เสียงก็พอ
ทางเลือกที่หนึ่งหมายความว่า ส.ส. กว่า 375 คนลงคะแนนเห็นชอบให้แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นไปได้เมื่อ ส.ส. พรรคก้าวไกลลงคะแนนให้โดยพร้อมเพรียง
ทางเลือกที่สองหมายความว่า ส.ส. พรรคก้าวไกลไม่ลงคะแนนให้ หรือลงให้แบบประปราย และผมเดาว่า ส.ว. ที่คอยฟังผู้นำของพรรคสองลุงจะไม่ลงคะแนนให้เช่นกัน ยกเว้นว่าพรรคเพื่อไทยจะเชิญพรรคของลุงพรรคใดพรรคหนึ่งหรือทั้งสองพรรคเข้าร่วมรัฐบาล
พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลควรคุยกันให้ชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยจะเชิญพรรคสองลุงเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ถ้าเชิญหรือไม่เชิญก็ตาม ส.ส. พรรคก้าวไกลจะลงคะแนนเสียงให้แคนดิเดตพรรคเพื่อไทยอย่างพร้อมเพรียงโดยมีเงื่อนไขหรือไม่มีเงื่อนไข หรือจะปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของ ส.ส. แต่ละคน
ผมสนับสนุนทางเลือกที่หนึ่งเพราะคิดว่าการเมืองควรมีหลักการ ซึ่งเป็นข้อความที่มหาตมา คานธีกล่าวไว้ แต่นั่นแหละ มีการตีความคำว่าหลักการไปต่าง ๆ กัน ในที่นี้ขออ้างหลักการตามคนอื่น ๆ เขาบ้าง โดยตีความว่า ส.ว. เป็นฝ่ายที่มาจากการรัฐประหารและมีพฤติกรรมสนับสนุนรัฐบาลที่มาจาก คสช. มาโดยตลอด จึงเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย การเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาก็แสดงว่า ไม่เห็นเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนเป็นสำคัญ ขณะเดียวกัน ขอตีความว่าพรรคสองลุงก็เป็นผลพวงของการรัฐประหาร ในการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พรรคของลุงคนแรกได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 1 คน หมายความว่าในบรรดาผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 100 คน มีเพียง 1 คนที่เลือกพรรคของลุงพรรคนี้ ยังดีที่พรรคของลุงคนที่สองมี ส.ส. บัญชีรายชื่อ 13 คน หรือมีคะแนนนิยมจากประชาชนทั้งประเทศ 13 % เมื่อมีคะแนนนิยมน้อยเช่นนี้ ก็ควรเป็นพรรคฝ่ายค้าน และควรชักชวน ส.ว. ให้ลงคะแนนแก่แคนดิเดตที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน นี่จึงจะเป็นการเมืองสมานฉันท์ดังที่โฆษณา
ดังนั้น ในการเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลจึงควรลงคะแนนให้แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ตนจะเป็นฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านลงคะแนนให้รัฐบาลได้ และฝ่ายรัฐบาลลงคะแนนให้ฝ่ายค้านได้ โดยพิจารณาเหตุและผลเป็นเรื่อง ๆ ไป ในกรณีนี้ เหตุผลสำคัญคือการทำให้ ส.ว. ไม่มีอิทธิพลในการเลือกนายกรัฐมนตรี และการป้องกันมิให้พรรคสองลุงเข้าร่วมรัฐบาล ป้องกันมิให้นโยบายอนุรักษ์เดิม ๆ ยังกลับมาใช้อีก ป้องกันมิให้การเปลี่ยนแปลงของสังคมการเมืองดังที่พรรคก้าวไกลโฆษณาไว้ต้องชะลอต่อไป
ผมทราบดีว่าคนที่เลือกรวมทั้งคนที่ไม่เลือกพรรคก้าวไกลจำนวนมากผิดหวังกับพรรคเพื่อไทย โกรธแกนนำของพรรคเพื่อไทย ไม่ไว้ใจใน “คำสัญญา” ของพรรคเพื่อไทย รู้สึกอย่างท่วมท้นว่าต้องเอาคืนพรรคเพื่อไทยบ้าง รู้สึกไม่ดีต่าง ๆ และอยากเลิกคบพรรคเพื่อไทยไปเลย
ผมก็รู้สึกเช่นนี้ไม่มากก็น้อย แต่ก็นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Invictus ที่เป็นชีวประวัติของเนลสัน แมนเดลาเมื่อเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ในช่วงเวลานั้นคนผิวขาวโกรธและระแวงคนผิวดำ คนผิวดำมีความเจ็บแค้นมากมายต่อการถูกคนผิวขาวข่มเหงรังแก เรื่องเริ่มในปี 1994 หนึ่งปีก่อนการชิงแชมป์โลกในกีฬารักบี้ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ในเวลานั้น ทีมชาติแอฟริกาใต้ชื่อ Springboks ฝีมือตกต่ำมาก และคนผิวดำที่ถูกกีดกันจากกีฬานี้ ต้องการเอาคืนโดยเปลี่ยนชื่อและอัตลักษณ์ของ Springboks โดยเห็นว่าเป็นตัวแทนคนผิวขาวที่เขาเกลียดชัง แต่แมนเดลาคิดว่าการเปลี่ยนชื่อจะเป็นการคุกคามคนผิวขาว และตอกย้ำว่าสิ่งที่คนผิวขาวรักและเคยมีกำลังจะหายไป เขาจึงใช้สิทธิ์ประธานาธิบดียับยั้งการเปลี่ยนชื่อที่เป็นความปรารถนาของคนผิวดำส่วนใหญ่ได้สำเร็จ วลีเด็ดในภาพยนตร์ที่กล่าวแก่เลขานุการของเขาคือ “ผมทราบความรู้สึกและความปรารถนาของคนผิวดำดี แต่พวกเขาเลือกผมมาให้เป็นผู้นำ จึงขอเป็นผู้นำในเรื่องนี้” ต่อมาเขาสร้างแรงจูงใจให้กัปตันทีมรักบี้ และกล่าวว่ารักบี้ไม่เป็นเพียงกีฬาของคนผิวขาว แต่เป็นจุดร่วมของคนทั้งชาติ และยังผลักดันให้ทีมชาติไปสัมผัสและสอนรักบี้ให้แก่เด็กผิวดำในสลัม ในปีนั้น ด้วยกำลังใจของชาวแอฟริกาใต้ทั้งหมด ทีม Springboks จึงได้เป็นแชมป์โลก
ด้วยความเป็นผู้นำของพรรคก้าวไกล ผมหวังว่าจะเลือกทางเลือกที่หนึ่ง แต่ยังมีอุปสรรคอีกมากหลาย ผมอยากขอความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยที่กล่าวว่า “ได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว” นั้น หมายความว่าได้คะแนนเสียงของ ส.ส. เกิน 250 เสียงใช่ไหม แต่ ณ วันที่ 10 สิงหาคม แสดงตัวเลข ส.ส. 238 เสียง ทั้งนี้ยังรอการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ หรือรอให้เชิญพรรคสองลุงก่อนจะแถลงตัวเลขสุดท้ายหรืออย่างไร
การที่ผู้นำพรรคเพื่อไทยกล่าวบ่อย ๆ ว่า ต้องการสลายขั้วการเมืองนั้น หมายถึงสลายขั้วเหลือง-แดง เช่น ระหว่างเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ หรือหมายถึงระหว่างขั้วสนับสนุนกับไม่สนับสนุนรัฐประหาร การที่ผู้นำพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงสถานการณ์พิเศษ การไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย การเป็นรัฐบาลพิเศษ การสร้างความสามัคคีสมานฉันท์ การเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ฯลฯ เหล่านี้เป็นวาทกรรมเพื่อเตรียมความคิดของประชาชน ไม่ให้ถึงกับช็อกเมื่อพรรคเพื่อไทยจะแถลงว่าได้ข้ามขั้วไปจับมือกับพรรคของลุงแล้วใช่หรือไม่ หรือมีนัยอื่นใด
การที่ผู้นำพรรคเพื่อไทยแสดงออกบ่อยครั้งว่า “เชื่อว่า ส.ว. จะให้เสียงสนับสนุน” เพราะพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะไม่ขอแก้ไขมาตรา 112 นั้น เป็นความเชื่อว่าการที่มี ส.ว. เพียง 13 คนที่ออกเสียงสนับสนุนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์นั้น เป็นเพราะ ส.ว. ที่เหลือติดขัดเรื่องมาตรา 112 เพียงเรื่องเดียว และถ้าพรรคเพื่อไทยที่รวม ส.ส. สนับสนุนประมาณ 250 เสียงได้ขจัดอุปสรรคนี้ออกไป ก็จะมี ส.ว. กว่า 125 คน ที่จะออกเสียงสนับสนุนแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยเพื่อให้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาเลยใช่ไหม หรือว่ามีข้อต่อรองอื่นใดนอกจากการหว่านล้อม
การมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เป็นปัจจัยสำคัญมากในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ การที่พรรคเพื่อไทยแถลงว่า “ปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น” จะปูทางไปสู่การอ้างต่อไปว่า เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พรรคเพื่อไทย ด้วยความจำเป็นในการมีเสียงข้างมาก และความรีบด่วนในการจัดตั้งรัฐบาล จึงได้เชิญพรรค เช่นพรรคพลังประชารัฐ มาร่วมรัฐบาล ใช่หรือไม่
ในประเด็นการมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรนั้น ผมเคยเข้าใจว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง แต่พอมาฟังการให้สัมภาษณ์ของวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ที่ให้ข้อมูลชวนคิดก็ชักคล้อยตาม จึงขอนำมาแบ่งปันดังนี้ ในกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรอยู่ในสภาพถูกแขวน (hung parliament) คือไม่มีพรรคหรือการรวมกลุ่มของพรรคที่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด อาจมีการตกลงกันแบบสุภาพชนว่า ให้พรรคการเมืองหรือกลุ่มของพรรคที่มีเสียงข้างมากธรรมดา คือมีเสียงมากกว่าเพื่อนหรือใกล้เคียงกับเสียงข้างมากเด็ดขาดได้จัดตั้งรัฐบาล และในช่วงเวลาแรกซึ่งอย่างน้อยควรจะเป็นหนึ่งปี พรรคที่ไม่เข้าร่วมรัฐบาลจะให้ความร่วมมืออย่างน้อยในสองเรื่องเพื่อให้การบริหารราชการเดินหน้าไปได้ คือ จะไม่ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ และจะยอมผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ วีรพัฒน์อ้างศัพท์ภาษาอังกฤษว่า confidence and supply (ไว้วางใจและจัดหาให้) เพื่อเป็นหลักการการข้ามพ้นสภาพถูกแขวนของสภาผู้แทนราษฎร
หมายความว่าในกรณีที่รอพรรคประชาธิปัตย์หรือรอเสียงเพิ่มเติมที่มิใช่เสียงจากพรรคสองลุง ก็พอมีทางที่พรรคเพื่อไทยจะตกลงกับพรรคก้าวไกลได้ เช่น ขอการสนับสนุนโดยมีเงื่อนไข คือ ยืนยันเรื่องที่เคยแถลงไว้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมในคราวที่ตกลงจะเสนอชื่อวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า “พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่
ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่าง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และ ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ” ทั้งนี้เพื่อให้พรรคเพื่อไทยมีทางเลือก คือสามารถเลือกทางเลือกที่หนึ่งดังกล่าวในตอนต้นของบทความ โดยไม่ถูกบีบให้เดินตามเกมของลุงหรือของ ส.ว. กลุ่มหนึ่งกลุ่มใด โดยเป็นการจัดระเบียบกันเองของ ส.ส. ดังที่หลายฝ่ายชอบอ้างกันเรื่อยมา
ผมทราบดีว่าอำนาจเป็นเรื่องที่หอมหวนมาก ก่อนได้มันมา ผู้หวังในอำนาจสามารถโปรยคำหวานหรือให้คำมั่นได้สารพัด แต่เมื่อได้อำนาจมาแล้วอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ดี ในเรื่องที่บอกว่าจะทำด้วยความจริงใจ โปร่งใส ฯลฯ แล้วไม่ทำตามนั้น นาน ๆ เข้า บ่อยครั้งเข้าก็จะมาอยู่ในความทรงจำของประชาชน การพูดอย่างทำอย่าง พูดดีใส่ตน ฯลฯ ย่อมลดทอนความน่าเชื่อถือของผู้พูด การทำตามที่พูดจึงเป็นนโยบายที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้การเมืองไทยพ้นจากวังวนที่ทุกคนบอกว่าต้องการหลุดพ้นเสียที
เช้าวันนี้ผมไปเดินออกกำลังกาย พอมาถึงที่ดินแปลงหนึ่งที่เจ้าของได้เปิดหน้าดินไว้ คือเอารถมาเกรดเพื่อถอนต้นไม้เล็ก ๆ ที่ปกคลุมดินออกไป แล้วเกลี่ยดินให้เรียบ โดยหวังว่าอาจจะมีผู้สนใจมาซื้อที่ดินแปลงนี้ ผมเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังก้ม ๆ เงย ๆ เลยเข้าไปทัก เขาบอกว่าไปเก็บก้านต้นบอนมาแล้วจึงมาเก็บใบหญ้านางที่ขึ้นเองเป็นกอเล็ก ๆ หลายสิบกอ เขาว่าจะไปต้มก้านบอนแล้วใส่น้ำคั้นใบหญ้านาง ผมสังเกตว่าพวกเขาเก็บใบหญ้านางโดยดึงเพียงบางต้นออกจากกอ ไม่ถอนไปทั้งกอ จึงครุ่นคิดว่าต้นบอน ต้นหญ้านางมันอยู่ของมันตามธรรมชาติ คนที่อยาก “พัฒนา” ก็ไปถอนรากถอนโคนมัน แต่มันก็โผล่ขึ้นมาใหม่ แต่คนสวนที่รู้จักถนอม ขอเอาไปใช้ประโยชน์แต่ไม่ถอนรากถอนโคน เพราะถ้ามันยั่งยืนก็มีกินไปเรื่อย ๆ ทำให้นึกถึงประชาธิปไตยว่าต้อง “กินได้” และยั่งยืนเหมือนต้นหญ้านาง แม้มีคนมาเกลี่ยดินและขุดมันทิ้งไป มันก็ยังเติบโตขึ้นมาใหม่ โดยมีคนสวนที่ระมัดระวัง รู้จักใช้ประโยชน์และปล่อยให้มันเติบโตต่อไป เอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ต่อไป
ผมมีสมุนสี่ขามาเดินด้วย หลายปีก่อนเคยมีสมุนห้าหกตัวมาเดินด้วยกัน พวกมันแข็งแรงและเดินนำหน้าผมไปเสมอ แต่พอมาถึงทางแยก จะคอยท่าอยู่ เมื่อผมเลี้ยวไปทางใด พวกมันจะรีบวิ่งนำหน้าต่อไป มาบัดนี้ เหลือเพียงหมาแก่ตัวเดียวที่ไปเดินกับผม ตัวอื่น ๆ ตายไปแล้ว คราวนี้ผมเดินนำหน้า สมุนตัวสุดท้ายที่ชรามากแล้วได้แต่เดินตาม และผมต้องหยุดรอ ทำให้นึกถึงว่า ทำไมสังคมการเมืองของเราไม่ยอมปล่อยให้คนหนุ่มสาวออกนำหน้า โดยผู้ที่มีอายุมากหน่อยคอยคัดท้าย แต่พออายุมากขึ้นไปอีก ก็เดินตามและให้กำลังใจอย่างเดียว เดินไปด้วยกันอย่างมีความสุข สถานการณ์บ้านเมืองของเราจะเป็นเช่นนี้ไหม
เพื่อนชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งส่งบทความวิจารณ์สถานการณ์การเมืองบ้านเรามาให้อ่าน ดูเหมือนว่าผู้เขียนจะคาดเดาว่าเราจะเลือกทางเลือกที่สองที่กล่าวถึงในตอนต้นบทความ เขาจึงเปรียบพรรคก้าวไกลว่าเป็นเหมือนซิซีฟัส พระราชาแห่งโครินธ์ในตำนานเทพปกรณัมกรีก การท้าทายอำนาจเทพเจ้าของเขาทำให้ถูกสาปให้กลิ้งก้อนหินก้อนใหญ่ขึ้นภูเขา (ชาวกรีกไม่รู้จักสำนวนเข็นครกขึ้นภูเขา) ด้วยความยากลำบาก เขากลิ้งก้อนหินไปจนถึงยอด แต่มันก็กลิ้งกลับลงมา จึงต้องเข็นขึ้นไปใหม่อีก ดูเหมือนเป็นวังวนที่ไร้ประโยชน์ แต่นักเขียนชื่ออัลแบร์ต กามูส์ได้เขียนความเรียงทางปรัชญา แปลเป็นไทยใช้ชื่อว่า “ชะตากรรมของซิซีฟ” โดยวิภาดา กิตติโกวิท กามูส์สรุปว่า ซิซิฟมีความสุขในการทำงานอย่างหนักนั้นเอง ความเพียรพยายามคือผลตอบแทนที่เขาได้รับ นี่แหละชีวิต
ในบทความที่ผมได้รับ ผู้เขียนเปรียบเทียบพรรคเพื่อไทยว่าเป็นเหมือน เฟาสต์ ตัวเอกในตำนานโศกนาตกรรมเยอรมันที่ขายวิญญาณให้ปิศาจเมฟิสโตฟิลิสเพื่อแลกกับความรู้ ตำนานนี้เขียนโดยนักปราชญ์ชื่อเกอเธอ รัฐบาลเยอรมันใช้ชื่อของเขาเพื่อเรียกสำนักงานวัฒนธรรมของเยอรมันในประเทศต่าง ๆ
ผมคิดว่าเรามาถึงทางสองแพร่ง จะเป็นแบบทะนุถนอมประชาธิปไตย หรือแบบซิซีฟัสกับเฟาสต์หรือไม่ก็แล้วแต่ เพียงแต่อยากขอให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลได้โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบ ถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่าทางสองแพร่งนี้ ถ้าทางเลือกนั้นปฏิบัติได้ และไปเป็นตามครรลองประชาธิปไตยด้วยน้ำใสใจจริง ก็ขออนุโมทนา
โคทม อารียา