ไม่ราบรื่น-มีเฮี้ยนต่อ?

ไม่ราบรื่น-มีเฮี้ยนต่อ?

จากวันนี้ ถึง 22 สิงหาคม

เพื่อไทยแม้จะรวมเสียง ส.ส.ได้ 314 เสียง คงนั่งสบายใจชิลๆ ในร้านกาแฟ ใต้ถุนตึกไม่ได้

ADVERTISMENT

ด้วยเครื่องดื่มอย่าง ช็อกมิ้นต์ อาจแปรเปลี่ยนเป็น “ช็อกนิด” ได้ทุกนาที

ขณะที่ “เค้ก” เคียงเครื่องดื่ม ก็เผลอไม่ได้

ADVERTISMENT

ด้วยเพราะมีผู้จ้องรุมขอแบ่งกินอย่างตะกรุมตะกราม

แม้เพื่อไทยจะบอกให้ดูดีว่านี่คือ ปรองดอง สลายขั้ว เพื่อก้าวไปสู่ รัฐบาลพิเศษ จึงไม่มีการแย่งชิง

แต่เอาเข้าจริงไม่เป็นเช่นนั้น

และที่ว่าสลายขั้ว ก็น่าจะตรงข้าม เป็นการเข้าไปรวมขั้ว กับพรรครัฐบาลเดิมมากกว่า

ลุง-พี่-อริ อยู่กันเกือบพร้อมหน้า

และไม่ได้อยู่แบบไร้สิทธิไร้เสียง ตรงกันข้ามกลับมีเสียงดังที่เพื่อไทยต้องฟังด้วย

อย่างโควต้ารัฐมนตรี ที่เพื่อไทยให้ไปคุยหลังโหวตนายกฯ และไม่อยากให้รัฐมนตรีนั่งกระทรวงเดิมนั้น

ไร้น้ำหนักโดยสิ้นเชิง พรรคที่เข้ามาตั้งรัฐบาลพิเศษ นอกจากส่ายหน้าไม่เอาแล้ว ยังยืนกราน ให้แบ่งโควต้ารัฐมนตรีให้ชัดเจนก่อนโหวตนายกฯและหลายพรรค ยืนกราน พร้อมที่จะบริหารกระทรวงเดิม ไม่ควรมีข้อจำกัดใดๆ มาขวางกั้น

ทำให้ตอนนี้ โผแบ่งเค้กรัฐมนตรี ปลิวว่อน

แน่นอน มันย่อมเชื่อมโยงไปถึงการโหวตนายกฯอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และตอนนี้ หลายคนมองไปที่บทบาทของ 2 พรรคลุง

จากที่เคยเป็น ของ “ต้องห้าม” แบบ มีเรา ไม่มีลุง

แต่ ณ เวลานี้ กลายเป็น ของ “ต้องเอา”

“เอา” มาร่วมรัฐบาล ในฐานะพรรคที่สามารถชี้เป็นชี้ตาย รัฐบาลพิเศษของพรรคเพื่อไทย

เนื่องจากพรรค 2 ลุง มาแบบขายเหล้าพ่วงเบียร์ นั่นคือพลังประชารัฐไม่ใช่ แค่ 40 เสียง เช่นเดียวกับรวมไทยสร้างชาติ ไม่ใช่ 36 เสียง

หากแต่ พ่วงเอา ส.ว.เข้ามาด้วย

และ ส.ว.ที่พ่วงเข้ามานี้ สามารถชี้เป็นชี้ตาย ว่าพรรคเพื่อไทยจะดัน นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี สำเร็จหรือไม่

อย่าลืมว่าเสียงที่จะทำให้นายเศรษฐา ไปถึงฝันต้องมี ส.ว.มาหนุน มากกว่า 61 เสียง จึงจะครบ 375 เสียง

ต้องอาศัย 2 พรรคลุงจึงจะเบาแรง

นี่จึงทำให้อำนาจต่อรอง ของ 2 พรรคลุงตอนนี้ สูงยิ่ง

ลำพังเพื่อไทยจะดึง ส.ว.มาหนุนเองคงหืดขึ้นคอ

ยิ่งตอนนี้ ส.ว.ตัวตึง ออกมาเคลื่อนไหว ตั้งเงื่อนไข ที่จะไม่เอานายเศรษฐาและพรรคเพื่อไทย อย่างเปิดเผย

โดยนายเศรษฐาถูกตั้งคำถามถึงจริยธรรมคุณธรรม ในการดำเนินธุรกิจ ตามที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาปฏิบัติ “แฉเพื่อชาติ”

ที่ทำให้สังคมพลอยมีคำถามไปด้วย

และตรงนี้เอง ส.ว.ก็ฉวยเป็นความชอบธรรม ที่จะสกัดนายเศรษฐา และใช้เป็นเงื่อนไขดึงนายเศรษฐา มาขึ้นเขียง ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งก็อาจกลายเป็นเป้า ให้ถูกถล่ม จนขาดความชอบธรรม ที่จะขึ้นเป็นผู้นำ

ขณะเดียวกันนอกเหนือจากเรื่องนายเศรษฐาแล้ว ส.ว.ยังใช้เรื่อง ที่พรรคเพื่อไทย ประกาศว่าจะใช้มติคณะรัฐมนตรีนัดแรก ทำประชามติ ให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

มาเป็นเงื่อนไข สกัดพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่านี่เป็น การเปิดประตูบานใหญ่ให้รื้อรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

ซึ่ง ส.ว.อ้างไม่สบายใจเพราะเกรงจะกระเทือนสถาบันสำคัญของประเทศ

ท่าทีเช่นนี้ย่อมไม่เป็นคุณกับเพื่อไทย

จึงต้องพึ่งพาพรรค 2 ลุงในการดึงเสียง ส.ว.มากยิ่งขึ้นไปอีก

จากที่ไม่ต้องเอา ก็ต้องกลืนน้ำลายเหม็นๆ เอาลุง อย่างที่เห็นและศิโรราบในอีกหลายเรื่อง

แต่ถึงขนาดนั้น วันที่ 22 สิงหาคม เพื่อไทยก็ยังวางใจไม่ได้

ลุงและ ส.ว.อาจเฮี้ยนขึ้นมา ทำให้การเมืองเปลี่ยนอีกก็ได้

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image