เกมแย่งอำนาจของชนชั้น โดย รศ.ทวี ผลสมภพ

ผู้เขียนเคยคลุกคลีกับกลิ่นโคลนสาปควายมาก่อน อิทธิพลของกลิ่นอายท้องทุ่งไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำ แม้วันเวลาและหน้าที่ของชีวิตจะมิได้เกี่ยวข้องกับภารกิจในท้องทุ่งแล้วก็ตาม แต่เสน่ห์ของทุ่งรวงทองมันเชิญชวนให้หวนคะนึงอยู่มิวาย ยามเสาร์อาทิตย์ต้องพาครอบครัวไปทานข้าว นั่งนอนชมท้องทุ่งอันกว้างใหญ่สุดสายตา ถามว่าท้องนาให้ความสุขนักหรือ? ใช่! มันให้ควาสุข ยามสัมผัสกลิ่นอายของท้องทุ่ง มันให้ความสุขยามหวนคิดถึงความหลังที่คลุกคลีกับท้องนา แต่มันโหดที่สุดยามทำนา มันสุดเศร้าในชีวิตของชาวนา

การทำนาในสมัยที่ใช้ควายเป็นเพื่อนร่วมงาน มันทารุณพอสมควร ต้องตื่นแต่ตีห้า การทำนาต้องทำหน้าฝน สมัยก่อนฝนตกชุก พอจะตื่นลุกขึ้นไปไถนา ฝนตกหนักอากาศหนาวชวนที่จะนอนกับที่นอนมากกว่า แต่ต้องจำใจลุกขึ้นจากที่นอน เดินคลุมหมวกใบจากกรำฝนไปที่คอกควาย คอกควายน่ะหรือ มีแต่ขี้ควาย ยามหน้าฝน คอกควายก็เต็มไปด้วยน้ำขี้ควาย เชือกที่ใช้ล่ามควายก็เปรอะเปื้อนไปด้วยขี้ควาย เมื่อจะแก้เชือกควายต้องจำใจเดินลุยน้ำขี้ควาย ต้องจำใจจับเชือกที่เปื้อนขี้ควาย เมื่อทำบ่อยเข้ามันก็ชินชา นี่คือชีวิตของชาวนาที่ต้องเจอตลอดไป คนอื่นที่ไม่ใช่ชาวนาทำได้บ่!

ชีวิตของชาวนาอยู่อย่างเจียมตัว เมื่อเห็นคนแต่งตัวสวยๆ ก็เกิดอาการเกร็ง เกรงเขา ยิ่งถ้าเป็นคนมาจากกรุงเทพฯ ก็ยิ่งประหม่ามากขึ้น พวกเขาเทิดทูนผู้มีอำนาจวาสนา พวกชาวนาด้วยกันคนไหนพูดครหาคนรวยหรือคนมีอำนาจเขาจะเถียงแทน เมื่อประเทศพัฒนามากขึ้น พลเมืองมีการศึกษามากขึ้น ลูกหลานในหมู่บ้านมาพูดว่า ชนชั้นปกครองเขาเอาแต่ลูกหลานของเขารับราชการ ส่วนลูกชาวนาลูกชาวสวนบ้านนอกคอกนา แม้จะเล่าเรียนมาได้แต่ก็ไม่มีโอกาสทำงาน เพราะตกสัมภาษณ์ นั่นคือตกพวกช่วย ส่วนคนมีเงินเล่า เขาก็เอาแต่ลูกหลานของเขาเข้าทำงานในบริษัทของเขา ต่อเมื่อลูกหลานของเขาไม่มีเท่านั้น เขาจึงจะรับคนยากจน

คำพูดเหล่านี้ชาวนาไม่เข้าใจ เขานึกอยู่อย่างเดียวว่า มันแล้วแต่บุญของแต่ละคน จะไปโทษใคร ต่อมาเมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตย เขาเห็นการเลือกตั้งผู้แทน เห็นการเลือกตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ล้วนแต่ใช้เงินซื้อเสียงเกือบทุกราย เขาเริ่มมองเห็นการเอาเปรียบของแต่ละชนชั้น คนมีเงินเท่านั้นได้เป็นรัฐมนตรี คนมีเงินข้าราชการเกรงใจ ตำรวจเข้าไปรับใช้ ชาวนามีอะไรเปลี่ยนบ้าง พวกเขายังต้องเหน็ดเหนื่อยผลิตข้าวเลี้ยงมนุษย์ต่อไปเหมือนเดิม ตกเย็นพวกเขาก็ล้อมวงกินเหล้าเหมือนเดิม หรือพวกเขาถูกสาปต้องมีชีวิตทำอาหารเลี้ยงชาวโลกชั่วนิรันดร์ ชีวิตของชาวนา ถ้าไม่พาตนลงสู่อบายมุขก็จะมีชีวิตอยู่ได้ ไม่อดตาย แต่แทบไม่มีปัจจัยบำเรอชีวิตอะไรเลย แต่งตัวปอนๆ บ้านโทรมๆ เงินไม่ค่อยจะมี ถ้าหันไปมองคนทำสวนยางในหมู่บ้านเดียวกันนั่นแหละ จะพบความต่างทันที คนมีสวนยางแต่งตัวหรู บ้านใหญ่ มีเงินติดตัวเยอะ เป็นเรื่องแปลกนะ! ข้าวเป็นอาหารหลัก มนุษย์ต้องกินข้าว ถ้าไม่มีข้าวกิน ตายลูกเดียว แต่คนที่ทำข้าวเลี้ยงชีวิตคนทั้งโลกกลับเป็นคนยากจน คนส่วนมากดูถูก ส่วนยางพาราไม่ใช่ปัจจัยเลี้ยงชีวิต ชีวิตคนไม่มียางพาราไม่ตาย ระหว่างข้าวกับยางพารา ผู้รับผิดชอบต้องดูข้าวก่อน ต้องช่วยชาวนาก่อน ถ้าขืนปล่อยให้ชาวนาต้องอยู่ในสภาพเช่นทุกวันนี้ คือมีแต่หนี้สิน ที่นาตกไปเป็นของคนมีเงินหมด สักวันหนึ่งจะไม่มีคนทำนา แล้ววันนั้นเราจะรู้สึก ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ ครอบครัวชาวนาเป็นกลุ่มชนที่มีมากกว่ากลุ่มอื่น เป็นเหมือนทรงเจดีย์ที่ฐานของเจดีย์เป็นตัวพยุงให้เจดีย์ชั้นอื่นๆ ดำรงอยู่ได้ แต่ฐานของเจดีย์เขาต้องทำให้มั่นคง มีเข็มมีฐานรากที่แข็งแรง เพื่อรองรับน้ำหนักของเจดีย์ทั้งหมดได้ แต่ครอบครัวชาวนาไม่มีความมั่นคงเลย

Advertisement

เมื่อเป็นอย่างนี้ อาชีพชาวนาจะมั่นคงอย่างไรได้ สักวันหนึ่งก็จะต้องล้มลง ทุกวันนี้ก็ล้มไปแล้วทีละครอบครัวๆ แล้วเมื่อครอบครัวชาวนาล้ม คนไทยที่อาศัยกินข้าวชาวนาไทยจะมิหมดแผ่นดินหรือ? พวกเราก็กลัวมิใช่หรือ? คราวที่มีข่าวว่าจะให้ชาวอาหรับมาทำนาแทนชาวนาไทย!

ชาวนามิใช่จะเพียงต่ออายุให้คนไทยและชาวโลกเท่านั้น ยังสร้างความร่ำรวยให้กับคนในชนชั้นพ่อค้านายทุนอีกด้วย พ่อค้านายทุนนำข้าวจากเรี่ยวแรงของชาวนานั่นแหละไปขายต่างประเทศได้เงินมหาศาล พวกเขารู้ว่าเขาซื้อข้าวจากชาวนาถูกเท่าไร กำไรของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคำนึงถึงความลำบากความคับแค้นอันเกิดมาจากหนี้สินของชาวนาเลย เมื่อคราวเปลี่ยนการปกครอง 2475 มีลูกชาวนาเล็ดรอดไปอยู่ในชนชั้นปกครองคนหนึ่ง เขาพยายามช่วยชาวนาแต่ก็ไม่สำเร็จ

ต่อมา ทักษิณ ชินวัตร ก็เกิดเห็นใจชาวนาขึ้นมาอีก ข่าวว่าทักษิณไปทำวิจัยจากชาวนาปัจจุบัน ได้ผลสรุปว่าหมดชาวนารุ่นนี้แล้วจะไม่มีคนทำนาอีกแล้ว เพราะทำไปก็มีแต่หนี้สิน ทักษิณก็สร้างนโยบายรับจำนำข้าวจากชาวนาราคาแพง นโยบายนี้ได้ผล ลูกชาวนาที่มาหางานทำในกรุงกลับไปทำนากันมาก

Advertisement

นั่นคือต่ออายุอาชีพชาวนาของคนไทยยืนยาวต่อไป แต่ผลที่กระทบกลับมาคือ ทักษิณต้องไปอยู่ต่างประเทศจนถึงทุกวันนี้

ถ้าจะมองกันด้วยความเป็นธรรมแล้วจะเห็นว่า การรับจำนำข้าวทุกเม็ดนั้นมันสุดโต่งเกินไป มันควรจะเหลือข้าวให้พ่อค้าเขาไปซื้อได้บ้าง และต้องไม่ลืมว่า ถ้าเรารับจำนำข้าวทุกเม็ดนั่นคือไปทุบหม้อข้าวของนายทุนใหญ่ที่ค้าข้าวอยู่กับต่างประเทศมาแต่เดิม ใครที่ไหนเขาจะยอม! แล้วคราวนี้เห็นไหม? กลุ่มนายทุนที่มีเงินเป็นฐานอำนาจกับชนชั้นปกครองที่มีอาวุธเป็นฐานอำนาจได้ร่วมมือกันกีดกันอำนาจของคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะเขาคิดว่าถ้าเขาเฉยพวกเขาก็จบ เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ทำให้สงสัยว่า ทำไมกลุ่มทักษิณไม่มองหน้ากลุ่มพ่อค้าข้าวต่างประเทศมาแต่เดิมบ้าง หรือจะเป็นเพราะตามที่เป็นข่าวว่า กลุ่มนายทุนเก่าพากันแอนตี้ทักษิณในประเด็นที่ว่า เอ็งเป็นมนุษย์กินเงินเดือนมาแต่กำเนิด บังอาจทะยานขึ้นมาเป็นนายทุนใหญ่ระดับกู แล้วก็หาทางแอนตี้ทักษิณ แต่ดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้ เป็นเรื่องเหลวไหลมากว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาจะเป็นไปเพราะอะไรก็ตามที แต่ขณะนี้ที่แน่ๆ ก็คือ กลุ่มนายทุนกับชนชั้นปกครองกำลังเห็นอันตรายของเขาอันเกิดจากประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เขาจึงพยายามยึดอำนาจคืน

ขั้นแรก ล้มรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งมาก่อน จากนั้นก็ร่างรัฐธรรมนูญ และในจุดหมายของรัฐธรรมนูญที่เขาร่าง แทบทุกคนที่เป็นนักวิชาการมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญกีดกันคนคนเดียว ความจริงที่เขาอ้างว่ารัฐธรรมนูญปราบโกงนั้น เขามิได้มุ่งปราบโกงจริงจัง แต่ที่เขามุ่งคือดึงอำนาจเอาไว้ในมือพวกเขาเท่านั้น หรือจะมีคนเถียง! ผู้มีอำนาจเห็นไม่ได้การแน่ จึงให้ล้มร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกนั้นเสีย แล้วร่างใหม่ ที่ร่างใหม่ก็เหมือนเดิม คือไม่ให้ประชาชนมีอำนาจปกครอง แต่ปากก็พูดว่าเป็นประชาธิปไตย การจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ตัวอักษรในร่างรัฐธรรมนูญมันฟ้องอยู่โทนโท่ ทุกคนในโลกเขารู้ว่าท่านกำลังทำอะไร ถ้าไม่เชื่อก็ลองมาดูร่างรัฐธรรมนูญตามตัวอักษรดังต่อไปนี้

ในหมวดที่หนึ่ง มาตราที่ควรสนใจคือข้อความที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย บางท่านอาจจะไม่รู้ว่า อธิปไตยคืออะไร เพราะคำว่าอธิปไตยไม่ใช่ภาษาไทย เป็นภาษามคธหรือภาษาบาลี คำศัพท์ประกอบด้วย อธิ+ปา+ติ อธิ แปลว่ายิ่งใหญ่ ปา แปลว่าปกครอง ติ เป็นปัจจัย ตามหลักบาลีไวยากรณ์ จึงได้ศัพท์ว่า อธิปไตย แปลว่าการปกครอง ดังนั้นคำว่า อำนาจอธิปไตยในร่างรัฐธรรมนูญ จึงแปลว่า อำนาจการปกครองเป็นของปวงชนชาวไทย ขอให้จำข้อความนี้ไว้ แล้วจะยกตัวอย่างให้เห็นว่าประชาชนมีอำนาจการปกครองจริงหรือ? รัฐบาลที่ผ่านมา ประชาชนเลือกมาปกครองแทนตัวเขา รัฐบาลนั้นเสนอโครงการคมนาคมพื้นฐานทั้งหมด เช่นรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง เป็นต้น ทุกคนในประเทศถูกใจโครงการนี้ เมื่อโครงการผ่านสภาแล้ว พรรคฝ่ายค้านนำไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินว่าทำไม่ได้ แต่เมื่อรัฐบาลนั้นสิ้นอายุไปแล้ว กลุ่มอำนาจใหม่เห็นว่าประชาชนอยากได้ จึงเสนอโครงการดังกล่าวที่รัฐบาลเก่าเขาเสนอมานั่นแหละ แต่เพิ่มเงินขึ้นไปอีก เป็นสามล้านล้าน กลับทำได้ ศาลรัฐธรรมนูญชุดเดิมนั่นเอง ยังมีหน้าที่อยู่ ไม่ค้านสักคำ

ไหนว่าอำนาจเป็นของปวงชนชาวไทย ไงล่ะ! ถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นใคร? ตอบว่า เป็นมือไม้ของนายทุนและชนชั้นปกครองไงล่ะ!

ดูต่อไป! มาตราที่ 86 วงเล็บ 4 การยกร่างมาตรานี้ ดูเหมือนคุณรู้อยู่แล้วว่าพรรคไหนจะได้คะแนนสูงสุดจากคนส่วนใหญ่ของประเทศ ก็ในเมื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศเขาชี้พรรคนี้ควรบริหารประเทศ และเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศิตว่า อำนาจการปกครองเป็นของปวงชนชาวไทยแล้ว คุณต้องให้พรรคนั้นเขาเป็นรัฐบาล แต่คุณกลับยกร่างรัฐธรรมนูญสกัดพรรคที่คุณคิดว่าเขาจะได้คะแนนสูงสุดเสีย แล้วยกร่างให้พรรคที่ได้คะแนนรองลงมาซึ่งก็คือพรรคที่เคยได้คะแนนรองคราวที่แล้ว มีสิทธิรวบรวมคะแนนพรรคให้ได้สมาชิกสภาบัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้นอีก แต่พรรคที่ได้เป็นผู้แทนแล้วหมดสิทธิ คุณจำได้ไหม รัฐธรรมนูญปี 50 คุณยกร่างช่วยพรรคนั้นสารพัดวิธี ขนาดเอาภาคใต้มาเป็นเขตเดียวกับกรุงเทพฯ คุณก็ทำไปได้เพื่อให้เขาชนะ แล้วเป็นไง! แพ้จนได้! แล้วคราวนี้ถ้าแพ้อีก คุณไม่อายหรือ?

ดูต่อไป! มาตรา 195 ชนชั้นที่มีอาวุธเป็นฐานอำนาจและชนชั้นที่มีเงินเป็นฐานอำนาจ เขาให้รางวัลเนติบริกรที่เขียนรัฐธรรมนูญรักษาอำนาจไว้ให้พวกเขา ด้วยการให้เป็นศาลรัฐธรรมนูญประเภทที่จบจากนิติศาสตร์ถึง 6 คน และให้องค์กรนี้มีอำนาจมาก เซ่นให้รัฐบาลพ้นอำนาจไปก็ได้ มันควรหรือ? ทีเมื่อประชาชนทั้งประเทศเขาเลือกรัฐบาลของเขา แล้วให้เนติบริกรเพียง 6 คนมาล้มรัฐบาล ไหนว่าอำนาจการปกครองเป็นของปวงชนชาวไทยไงล่ะ! หลักฐานขอให้อ่าน มาตรา 139 ในกรณี แปรญัตติงบประมาณ มาตรานี้จะสร้างปัญหาให้ประเทศอีกถ้าพรรคฝ่ายค้านยังรับใช้ชนชั้นปกครอง น่าสงสัยจริงๆ ว่า พวกเขาคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญมือสะอาดหรือ พวกเขาลืมไปแล้วหรือที่เมื่อสี่ห้าปีที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญสอบข้าราชการเข้าทำงานในองค์กรนี้ ตุลาการบางคนแอบเอาคำเฉลยข้อสอบไปให้คนที่เข้าสอบที่ตนอยากจะให้เขาทำงาน ฉาวโฉ่ทั่วประเทศ สอบสวนลงโทษหรือยัง? น่าจะยัง! เพราะทุกวันนี้ธรรมชาติแปรปรวนแบบฟ้าดินลงโทษ เพราะผู้รักษาธรรมของบ้านเมืองประพฤติอธรรม

ผู้เขียนเคยเขียนในคอลัมน์นี้ว่า ชนชั้นในสังคมโลกจะแย่งอำนาจกัน ดังนี้ พ่อค้านายทุนผู้มีเงินเป็นฐานอำนาจจะแย่งอำนาจจากชนชั้นปกครองผู้ซึ่งมีอาวุธเป็นฐานอำนาจ จากนั้นชนชั้นรากหญ้าผู้มีมวลชนเป็นฐานอำนาจจะแย่งอำนาจจากพ่อค้านายทุน แต่เมืองไทยไม่เป็นเช่นนั้น กลับตาลปัตรเป็นว่า กลุ่มผู้มีเงินกับกลุ่มถืออาวุธช่วยกันดึงอำนาจของประชาชนชั้นรากหญ้าเอามาเป็นของตน แล้วอ้างว่ารัฐธรรมนูญปราบโกง อาจจะถูกบ้างก็ได้ ดังนั้น เราขอตั้งชื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้บ้างว่า รัฐธรรมนูญโกงอำนาจประชาชน

ดูหลักฐานมาตรา 86 วงเล็บ 4 น่าสงสัยอีกเหมือนกันว่า ทำไมเนติบริกรเหล่านี้ไม่กลัวประชาชนเกลียดชังที่มายึดอำนาจของพวกเขาไปให้ชนชั้นปกครองและนายทุน คำตอบน่าจะเป็นว่า เป็นความฉลาดของคนมีเงินและคนมีอาวุธที่จ้างคนเหล่านี้มาแทนตัว พวกเขาจะได้ไม่มีใครเกลียด แทบไม่มีคนคิดด้วยซ้ำว่าเบื้องหลังมันเป็นอย่างไร?

อนิจจา! กรรมแท้ๆ ไหนว่าอำนาจการปกครองเป็นของปวงชนชาวไทยไงล่ะ!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image