รับมือโลกเดือด

รับมือโลกเดือด

รัฐบาลใหม่ “เศรษฐา 1” ที่มี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ เป็นกปตัน เตรียมสตาร์ตเครื่องลุยงานเต็มสูบหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

แต่ก่อนหน้านั้น นายกฯคนที่ 30 ก็อุ่นเครื่องตระเวนไปรับฟังปัญหาจากภาคส่วนต่างๆ แล้ว พร้อมลงมือทันที เพราะมีปัญหามากมายที่รอแก้ไข ขับเคลื่อน อันดับแรกหนีไม่พ้นคือเรื่องปากท้องประชาชน

นายกฯเศรษฐาประกาศแล้วว่าจะประเดิมลดค่าไฟและน้ำมันดีเซล จากนั้นคงทยอยคลอดนโยบาย มาตรการและโครงการต่างๆ ออกมา

Advertisement

อีกหนึ่งปัญหาที่แม้หลายคนจะมองว่าไกลตัว แต่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งไม่เฉพาะไทย แต่คือวิกฤตระดับโลกนั่นคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ธรรมชาติส่งสัญญาณมาเป็นระยะ จากภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อมนุษยชาติมากมายในอนาคตอันใกล้

“ยุคโลกร้อน (global warming) สิ้นสุดลงแล้ว” และ “ยุคโลกเดือด (global boiling) เริ่มขึ้นแล้ว”“มนุษยชาติกำลังตกที่นั่งลำบาก”

เป็นคำกล่าวของ “อันโตนิอู กูแตเรซ” เลขาธิการสหประชาชาติ ที่ประกาศเตือนประชาคมโลก หลังองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เปิดเผยข้อมูลว่าเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โลกมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์

Advertisement

สำหรับประเทศไทย รัฐบาลชุดที่แล้วไปชูธงในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 หรือ คอป26 ประกาศเป้าหมาย มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2608

พร้อมปรับกลไกภายในประเทศรองรับ โดยเปลี่ยนกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับภารกิจใหม่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง ให้การดำเนินงานเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น

ขณะที่หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ก็ประกาศเป้าหมายตามที่รัฐบาลไทยชูธงไว้ พร้อมดำเนินการต่างๆ เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าประสงค์

วันก่อน เห็นคอลัมน์ “คิด เห็น แชร์” ใน นสพ. “มติชน” ที่ “ดร.วีริศ อัมระปาล” ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เขียนถึงความสำคัญของภาวะโลกร้อน (เดือด) พร้อมกิจกรรมต่างๆ ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างเมื่อ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กนอ. ร่วมกับพันธมิตร และนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศจัดกิจกรรมปลูกป่าต้นแบบ “Let’s Zero together ปลูกเพื่อลด สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มอากาศบริสุทธิ์คืนสู่สังคม

มีการปลูกต้นโกงกาง และต้นแสมขาว 10,000 ต้น พื้นที่ 10 ไร่ ที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี จ.สมุทรปราการ จะกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 27.5 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี อีกทั้งยังช่วยสร้างความหลากหลายทางชีวภาพด้านระบบนิเวศ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของสัตว์ทะเลเพิ่มสูงขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ยังร่วมกับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ รวมปลูกต้นไม้ 31,699 ต้น คิดเป็นปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สามารถดูดซับได้ถึง 288 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ขณะที่ปี 2565 ที่ผ่านมา กนอ.และพันธมิตร ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 202,885 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากกิจกรรมต่างๆ

เป็นอีกแรงส่งจาก กนอ.ที่จะทำให้ไทยมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2593

ขณะที่การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ระหว่างวันที่ 18-23 กันยายนนี้ ที่สหรัฐ “เศรษฐา” จะบินไปร่วมประชุมด้วย ซึ่งมีหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือเวทีเป้าหมายการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

มีข่าวว่านายกฯใหม่ อาจไปร่วมประชุม คอป28 ที่ดูไบ ประเทศยูเออี ระหว่าง 30 พฤศจิกายน-12 ธันวาคมนี้ เช่นกัน

เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ไทยยังชูธงให้ความสำคัญกับการรับมือภาวะโลกร้อน (เดือด) อย่างจริงจังและต่อเนื่อง

สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image