เดินหน้าชน : นโยบายร้อนๆ

เดินหน้าชน : นโยบายร้อนๆ

ใ นรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกสตาร์ตทำงานรับฟังปัญหาบ้านเมืองในแต่ละภาคส่วน เป็นการทำงานที่ลั่นวาจาไปแล้วว่า จะไม่มีคำว่ารัฐบาลของพรรคเพื่อไทย จะเป็นรัฐบาลของประชาชน พร้อมทำงานแบบเทหมดหน้าตัก เนื่องจากได้รับเกียรติจากพี่น้องประชาชนเลือกเข้ามาดูแลบ้านเมือง

ทั้งยังพูดว่า การใช้งบประมาณคาดว่าจะได้ใช้ต้นปีหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่างบประมาณจะเป็นขีดจำกัดไม่ให้เราทำงาน เรื่องอะไรที่ทำได้ก่อนก็ทำ

ทำให้หลายนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ถูกแปรเป็นนโยบายของรัฐบาลกำลังรอการพิสูจน์ว่าจะไปสุดแค่ไหน

Advertisement

เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทผ่านระบบบล็อกเชน ให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่คาดว่าจะมีกว่า 50 ล้านคน ได้ใช้จ่ายในรัศมี 4 กิโลเมตร ตั้งวงเงินรับมือไว้ 5.6 แสนล้านบาท

นายกฯยังอุบแหล่งเงินมาจากไหนบ้าง ขอให้รอแถลงนโยบายเสร็จก่อน ฝั่งนักวิชาการก็ให้ความเห็นหลากหลาย เพราะเป็นการแจกให้ทุกคน ไม่ได้เน้นกลุ่มที่มีความขัดสนอย่างแท้จริง คนไม่เดือดร้อนย่อมไม่รีบใช้ เพราะมีเวลาถึง 6 เดือน หรือถ้าไม่ใช้เลย เงินที่ตั้งไว้จะถูกดีดกลับไป

แต่นักวิชาการบางคนก็มองแบบมีข้อแม้ว่า นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก็ต่อเมื่อเงินพุ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้

Advertisement

นายกฯยังยืนยันเงินดิจิทัลจะแจกหนเดียวไม่มีแตกงวด เริ่มต้นปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนจะช่วยให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจเหมือนที่ทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยคุยโวไว้หรือไม่ ต้องติดตาม

อีกนโยบาย รัฐบาลเศรษฐายกให้เป็นเรื่องเร่งด่วนคือการลดค่าไฟทันทีหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น 11-12 ก.ย.นี้ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.การคลัง โพสต์บอกถึงการลุยลดราคาพลังงานในแบบฉบับของพรรคเพื่อไทย แบ่งเป็นลดราคาน้ำมันดีเซล จะเริ่มใช้กลไกการปรับลดภาษีสรรพสามิตนำร่อง ส่วนกลุ่มที่ใช้น้ำมันเบนซินจะช่วยเหลือชดเชยแบบเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

ส่วนการลดค่าไฟเป็นที่ทราบกันดี ก็ต้องไปเจรจากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อลดราคาต่อหน่วยลงมาให้อยู่ที่ 4 บาทต้นๆ จะเริ่มรอบบิลเดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้ทันที ส่วนนี้นายจุลพันธ์ระบุให้เข้าใจง่ายๆ ท่ามกลางความซับซ้อนที่ต้องเจรจากันอีกหลายยกว่าเป็นการใช้กลไกการยืดการชำระหนี้ กฟผ.ไปก่อน ในช่วงที่ต้นทุนไฟฟ้ายังสูงอยู่ เพื่อลดภาระที่ซ้ำเติมต้นทุนไฟฟ้า

สำหรับปัจจุบัน กฟผ.มีหนี้ท่วมแบบภาระค่าเอฟทีประมาณ 1.35 แสนล้านบาท

ขณะที่ตัวจริงเสียงจริงรับผิดชอบพลังงานโดยตรง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ก็กล่าวถึงนโยบายลดราคาพลังงานของรัฐบาลจะรวมกับพิมพ์เขียวของพรรครวมไทยสร้างชาติ

โดยเฉพาะการกล่าวถึงนโยบายที่ได้เสียงเชียร์พอสมควร คือ การปลดล็อกการนำเข้าน้ำมันให้สะดวกและเป็นธรรมมากขึ้น หรือการเปิดเสรีนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปที่ไม่ใช่นำเข้าน้ำมันดิบที่ต้องเอาเข้ามากลั่นจนเกิดต้นทุนเพิ่มขึ้น ย้ำด้วยว่า ภาครัฐมีหน้าที่กำกับดูแลการจัดหาพลังงานเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว ไม่ใช่เข้มข้นกับกฎเหล็กอย่างเดียว

รมว.พลังงานจบวรรคทองไว้สวยหรูว่า “นี่คือภารกิจของกระทรวงพลังงาน ไม่ใช่การทำธุรกิจ”

อีกเรื่องถูกจับตามอง ตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าตลอดสาย 20 บาท พรรคเพื่อไทยหาเสียงดังลั่นเวที เป็นอีกนโยบายเร่งด่วน “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม แถลงยอมรับว่า ตั๋วถูก 20 บาท ยังต้องร้องเพลงรอไปก่อนอย่างน้อย 2 ปี ต้องเจรจาหลายหน่วยงานและรถไฟหลากหลายสีที่ต่างถือสัญญาสัมปทาน จะเชื่อมยังไงกับเอ็มอาร์ทีและบีทีเอส เมื่อเจรจาแล้วยังติดตั้งเครื่องไม้เครื่องมือกันอีก

ส่วนจะเป็นระเบิดเวลาหรือไม่ เจ้ากระทรวงบอกแล้วว่า “ยืนยันนโยบายนี้มีแน่นอน” เพียงแต่ไม่ได้ใส่ไว้ในเล่มนโยบายของรัฐบาล เข้าใจว่าหลีกเลี่ยงการโดนชำแหละกลางสภา

แต่นายสุริยะก็กล่าวไว้ว่า แม้จะเป็นคำหาเสียงที่สัญญาไว้กับประชาชนแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของคำสัญญาไปแล้ว

เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image