| ผู้เขียน | โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ |
|---|
คําว่า “ยูเอฟโอ (unidentified flying object)” ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการใน พ.ศ.2496 โดยกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาเพื่อแทนคำว่า “จานบิน” หรือ “จานผี” เนื่องจากมีวัตถุบินที่มีลักษณะกลมแบน หรือเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมที่คนเป็นจำนวนมากอ้างว่าได้เห็น หรือถ่ายรูปไว้มีลักษณะแตกต่างกันไป แต่ไม่เหมือนอากาศยาน หรือขีปนาวุธชนิดต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นไว้เพื่อใช้งานเลย
ส่วนคำว่า “สิ่งมีชีวิตนอกโลก (extraterrestrial life)” คือ สิ่งที่ถูกกำหนดให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้เกิดจากโลก หมายถึง สิ่งมีชีวิตนอกโลก หรือเรียกว่า มนุษย์ต่างดาว โดยนักวิทยาศาสตร์หลายคนคิดว่าชีวิตนอกโลกเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานโดยตรงในการดำรงอยู่ของมัน นอกจากคำบอกเล่าของผู้คนผู้บังเอิญได้ประสบพบเห็นยูเอฟโอและได้ถ่ายรูปไว้ได้บ้าง ในขณะที่บางคนเคยเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตนอกโลกและเคยขึ้นไปอยู่ในยูเอฟโอด้วยซ้ำไป แต่ไม่มีโอกาสถ่ายรูปไว้เลย
ครับ ! ทั้งยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวเป็นของที่คู่กันมีการถ่ายภาพทั้ง 2 สิ่งนี้หลายสิบภาพ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นของจริง และไม่มีรัฐบาลประเทศใดในโลกรับรองเรื่องยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวเลย จนกระทั่งมีแนวความคิดในหลายๆ ประเทศ ที่จะออกกฎหมายคุ้มครองน่านฟ้าอวกาศขึ้นซึ่งจำเป็นต้องมีการพิสูจน์ว่า ทั้งยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวนั้นมีอยู่จริงเสียก่อน ดังนั้น เมื่อวันอังคารที่ 12 กันยายนที่ผ่านมานี้ รัฐสภาของประเทศเม็กซิโกได้จัดการแสดงให้สาธารณชนได้เห็น “ซากฟอสซิลของสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์” หรือ “มนุษย์ต่างดาว” เป็นครั้งแรก ระหว่างการรับฟังข้อมูลเรื่องปรากฏการณ์ของยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว ซึ่งซากฟอสซิลของสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ 2 ร่างที่ถูกค้นพบในประเทศเปรู เมื่อ พ.ศ.2560 โดยเป็นร่างขนาดเล็ก 2 ร่าง มีนิ้วมือ 3 นิ้วที่มือแต่ละข้าง และมีศีรษะที่ยื่นออกมา ร่างทั้งสองถูกจัดแสดงอยู่ในกล่องใส โดยทั้ง 2 ร่างนี้ มันไม่มี DNA ที่เชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิตใดๆ บนโลกนี้เลย ร่างดังกล่าวมีขนาดเล็ก มีศีรษะยาว มี 3 นิ้วและรูปร่างคล้ายมนุษย์ต่างดาวที่เห็นในภาพยนตร์และจากการสแกนด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์พบว่าร่างนั้นมีคอที่หดได้ ไม่มีฟัน มีสมองใหญ่มีตาโตที่สามารถมองเห็นภาพสามมิติในมุมกว้างและยังพบด้วยว่า ในร่างหนึ่งมี “ไข่” อยู่ข้างใน
จากการรับฟังข้อมูลเรื่องปรากฏการณ์ของยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวของรัฐสภาเม็กซิโก เพื่อเป็นข้ออ้างอิงในการครั้งนี้ในการออกกฎหมายคุ้มครองน่านฟ้าอวกาศ ทำให้ฝ่ายสหรัฐอเมริการ้อนใจ เนื่องจากทางการสหรัฐอเมริกาได้ปฏิเสธเรื่องของยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวมาโดยตลอด ดังนั้นอีก 2 วันต่อมาในวันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายนที่ผ่านมานี้ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (NASA) จึงออกแถลงถึงการศึกษาชิ้นใหม่เกี่ยวกับยูเอฟโอว่ายังไม่พบหลักฐานใดที่เชื่อมโยงว่ายูเอฟโอที่พบทั้งหมดนั้นมาจากนอกโลก และหวังที่จะให้คนทั่วไปมองเรื่องยูเอฟโอเป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าเรื่องลี้ลับเพื่อเป็นการปรามรัฐสภาเม็กซิโกอยู่ในที
ต่อไปนี้เป็นเรื่องของยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวที่มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา โดยได้รับการรับรองว่าเป็นเรื่องจริงจากสมาคมประวัติศาสตร์แห่งเมืองเกรตบาร์ริงตัน (The Great Barrington Historical Society) และมีสวนสาธารณะที่เมืองเชฟฟิลด์ที่อ้างว่าเป็นสถานที่ที่ นายโทมัส รีด และครอบครัวได้ประสบพบกับยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว เมื่อ พ.ศ.2512 โดยมีอนุสรณ์สถานที่มีแผ่นป้ายจารึกรับรองว่า นายโทมัส รีด ได้พบกับยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว ซึ่งในแผ่นป้ายนั้นทั้งผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์และรองผู้ว่าการรัฐได้จารึกชื่อลงในป้ายโลหะที่ตรึงอยู่กับอนุสรณ์สถานนั้นด้วย
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อนายโทมัส รีด อายุได้ 6 ขวบ อาศัยอยู่ที่ฟาร์มใกล้ๆ กับสวนสาธาณะแห่งนี้นั่งรถยนต์ไปกับพ่อแม่และยาย เมื่อมาถึงบริเวณที่เป็นสวนสาธารณะก็ได้เห็นวัตถุประหลาดรูปกลมขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือรถที่เขานั่งอยู่ แล้วก็ปล่อยลำแสงสว่างจ้าจนมองไม่เห็นอะไร พลันก็เกิดแรงดูดมหาศาลดูดคนทั้ง 4 ขึ้นไปอยู่ในยานรูปกลมที่ลอยอยู่ ซึ่งพวกเขาก็ได้เห็นมนุษย์ต่างดาว 2 ตน หน้าตาเหมือนมดยักษ์ ตาโปนมีหนวดโค้งและแล้วทั้งครอบครัวก็ถูกหอบกลับมาอยู่ที่รถตามเดิม แต่มีการสลับที่นั่งกัน ซึ่งเดิมยายผู้ขับรถยนต์ไม่เป็นและไม่เคยขับรถด้วย เดิมนั่งอยู่ที่เบาะหลังกลับไปนั่งประจำที่คนขับที่พ่อเคยนั่งขับรถอยู่ ส่วนแม่ผู้เดิมนั่งเบาะหลังด้านซ้ายกลับไปนั่งเบาะหลังด้านขวา ดังนั้นพอสลับยายมานั่งที่เดิมแล้ว พ่อก็รีบขับรถกลับบ้านทันที ซึ่งเมื่อเรื่องนี้กระจายออกไปครอบครัวของเขาก็ถูกล้อเลียน เย้ยหยันจนต้องชกต่อยกับพวกนักเรียนด้วยกันหลายครั้งจนครอบครัวเขาต้องย้ายไปอยู่ที่มลรัฐเคนตักกี้
ครั้นโทมัส รีดอายุมากขึ้นก็อยากจะชักชวนผู้ที่มีประสบการณ์คล้ายกับเขาออกมาแสดงตัวยืนยันเรื่องยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวด้วยกันถึงขนาดนายโทมัส รีดเต็มใจเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อพิสูจน์ว่าเขาพูดความจริง จนทำให้มีคนเชื่อเรื่องยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวมากขึ้น จนกระทั่งนาซาต้องออกมายอมรับความน่าจะเป็นของมนุษย์ต่างดาวและยูเอฟโอว่าเคยมาเยือนโลกแล้วจริงๆ
โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
