รัฐบาลเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ วางภูมิธรรม เวชยชัย แม่ทัพใหญ่คุมเกม ศึกษาทำประชามติ
ปลดกระดุมเม็ดแรก เมินก้าวไกลไม่ร่วมสังฆกรรม
สับเปลี่ยน ทีมอรหันต์ร่วมชุดบ้าง เล็กๆ น้อยๆ
อีเวนต์ แก้รัฐธรรมนูญ เป็นงานใหญ่เดิมพันได้-เสียของรัฐบาล
แนวทางเพื่อไทย (รัฐบาล) กับก้าวไกล ดูผิวเผิน เหมือนกัน
แต่เอาเข้าจริง เนื้อใน และที่มา ส.ส.ร.ต่างกันลิบ ของรัฐบาลจองใช้สูตรไฮบริด
แต่ก้าวไกลมาจากเลือกตั้งทั้งกระบิ
รัฐธรรมนูญ 60 เขียนแก้ยาก มีไว้สืบทอดอำนาจ ห้ามรื้อ ข้อได้เปรียบ จุดสูงข่มทางการเมือง
ล็อกไว้ตั้งแต่หากจะแก้ทั้งฉบับ ต้องทำประชามติก่อน (และหลัง)
แถมยังมีด่านหิน ส.ว.
วาระรับหลักการและวาระ 3 ต้องได้เสียงเห็นชอบ 1 ใน 3 ของ 250 คน ไม่งั้นจบเห่
นอกจากนี้ ในวาระสุดท้ายฉบับแก้ไข จะผ่านได้
ฝ่ายค้านต้องช่วยหามแห่ โหวตเห็นชอบให้ 20%
ข้อนี่แหละ ที่เป็นจุดแหลมคมของการแก้ครั้งนี้ กล่าวคือ หาก ส.ส.ฝั่งรัฐบาล เป็นเนื้อเดียวกับ ส.ว. เหมือนโหวตเลือกนายกฯเศรษฐา
แต่แค่ผนึกกันได้เกินครึ่งของสองสภาเท่านั้นไม่พอ คนจะกดปุ่มผ่านให้หรือไม่ตัวตึงแท้จริง คือมือก้าวไกล
เนื่องจากคุมเสียง 20% ของฝ่ายค้าน เบ็ดเสร็จ
ต่อให้ประชาธิปัตย์ ไทยสร้างไทยเอาด้วยกับรัฐบาล-ส.ว. ก็ไร้ความหมาย
ก้าวไกล จึงไม่ต่างกับเป็นคนตัดสินแท้จริงของการแก้ครั้งนี้
แต่ก็กลายเป็นข้อดี สำหรับประชาชน
เนื่องจาก เกมบีบให้ รัฐบาล เขียนออกมาให้เนี้ยบ ไม่มีตำหนิ
เพราะหาก ดีไซน์ออกมาแล้ว ผู้คนร้องยี้ ก้าวไกลมือคว่ำ จะได้แต้ม โกยคะแนนทันที
แต่ถ้าแก้ ดีไซน์เนื้อหาออกมาดีก้าวไกลกวนโอ๊ย ไม่ให้ผ่าน พรรคส้มก็จะเสียหายเอง
สนุกโว้ย
