เสียงสะท้อน ‘ร่างพ.ร.บ.นิรโทษ’ ฝ่าด่านสู่ปรองดองอย่างยั่งยืน

เสียงสะท้อน ‘ร่างพ.ร.บ.นิรโทษ’ ฝ่าด่านสู่ปรองดองอย่างยั่งยืน

หมายเหตุ ความเห็นนักวิชาการ กรณีพรรคก้าวไกลยื่น ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต่อประธานสภาระบุเป้าหมายเพื่อยุตินิติสงคราม เป็นก้าวแรกในการสร้างความยุติธรรมและความปรองดองที่ยั่งยืนให้สังคม โดยนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้

ผศ.ดร.เอกพลณัฐ ณัฐพัทธนันท์
อาจารย์ภาควิชาสังคมศาสตร์
คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

Advertisement

อาจจะต้องเทียบเคียงกับประเด็นเมื่อคราวปลายปี พ.ศ.2556 พรรคเพื่อไทยออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้ง 2 กรณีนี้ถูกนำมาเปรียบเทียบกัน เมื่อปี พ.ศ.2556 ทำให้เกิดการขัดแย้งบานปลายจนทำให้เกิดกลุ่มที่ขยายตัวจากการเกิด พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจนเกิดกลุ่ม กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) และนำมาสู่การรัฐประหารที่ประชาชนได้เห็น หากเราเทียบเคียงกับทางพรรคก้าวไกลที่เสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีความแตกต่างกันที่สัมพันธ์อยู่ คือในปี พ.ศ.2556 ต่อเนื่องถึงปี 2557 พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่เขาเรียกกันว่าเป็น พ.ร.บ.เหมาเข่ง เกิดจากฝ่ายขัดแย้งไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในแง่ครอบคลุมเจ้าหน้าที่รัฐและคนระดับแกนนำ คนได้รับประโยชน์คือกลุ่มของผู้ขัดแย้งโดยตรง ทำให้เกิดกระแสขัดแย้งมากขึ้น ทั้งที่ทุกฝ่ายต่างก็ไม่เห็นด้วย แม้จะมีส่วนได้ประโยชน์ แต่ก็มีส่วนของฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ควรได้รับนิรโทษกรรม แต่ก็ได้รับนิโทษกรรมด้วย

จึงแตกต่างกับกรณีของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจากพรรคก้าวไกล เพราะพรรคก้าวไกลเน้นย้ำคนได้นิรโทษกรรมคือกลุ่มประชาชนถูกดำเนินคดีทางการเมือง หากมองทางด้านประโยชน์ ทำให้ประชาชนตัวเล็กตัวน้อยติดร่างแหการดำเนินคดีทางการเมือง มาจากการขัดแย้งแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรืออุดมการณ์ความคิดเห็นทางการเมือง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลไม่ควรนำมาสู่ความขัดแย้งเดียวกันกับเมื่อคราวปี พ.ศ.2556 เพราะเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดหรือตัวของแกนนำเองไม่ได้เป็นประโยชน์โดยตรงกับตัว พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้

มองในมุมของความเป็นไปได้ เมื่อเรายึดมุมมองของประโยชน์ตัวบุคคลที่จะได้ ควรทำให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน และพร้อมสนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้ หากเราต้องการจะทำที่ทุกคนอ้างว่า เราอยากจะก้าวข้ามความขัดแย้งของหลากสีเสื้อ บุคคลจะได้รับประโยชน์สูงสุดนั้นคือประชาชนนั่นเอง ที่เข้าไปติดร่างแหของกรณีคดีความทางการเมืองต่างๆ จากการปลุกระดม หรือการที่เขาพยายามจะยืนยันความคิดเห็นทางการเมือง เป็นสิ่งที่ควรจะทำได้ในหลายๆ คดีที่เกิดขึ้น หากเป็นประเทศประชาธิปไตย ไม่ควรดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชนไทยตอนนี้ ประชาชนถูกลิดรอนสิทธิ เสรีภาพทางความคิดเห็น ถูกดำเนินคดีด้วย พ.ร.บ. ความมั่นคงต่างๆ เราควรปลดปล่อยประชาชนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองนั้นออกไป ให้พวกเขาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด ผลประโยชน์ที่ควรจะได้รับ ทุกฝ่ายควรเห็นพ้องต้องกัน และสนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้

Advertisement

มุมมองในอีกมิติหนึ่ง มองว่าเป็นมิติของบุคคลในสภา ปัจจุบันต้องยอมรับว่าเป็นฝ่ายอนุรักษนิยมสูง กรณีของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ออก ก็จะครอบคลุมไปถึงตัวบุคคลถูกดำเนินในคดีมาตรา 112 ยกเว้น มาตรา 113 กรณีนี้อาจเป็นชนวนเหตุเล็กๆ นำไปขยายใหญ่โต ในบุคคลที่บอกว่า คดีความผิดอันนี้ก็ควรเก็บเอาไว้ ไม่ควรนิรโทษกรรมแก่บุคคลเหล่านี้ อาจเป็นความเห็นเล็กๆ ของบุคคลฝ่ายอนุรักษนิยมที่มีเสียงดังกว่ากลุ่มบุคคลอื่น ก็เลยเป็นจุดอุปสรรคกับสิ่งที่จะเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้

ข้อดีของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้ หากเรายึดผลประโยชน์ของประชาชนจริงๆ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นจุดเริ่มต้นความคิดในหลายๆ ประเทศที่เขาเรียกว่า “ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน” บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวกับคดีบุคคลเหล่านั้น สามารถได้รับอภัยในสิ่งที่เป็นความผิด เพื่อมาพูดคุยหาทางออกได้ดีกว่าเดิม หากทว่าทุกคนมีชนักติดหลัง จะเป็นสิ่งแทงใจกัน หมายถึงการคุยกันไม่ได้ หากคนได้รับผลประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้คือกลุ่มประชาชนคนทั่วไป ไม่ใช่แกนนำแต่อย่างใดหรือบุคคลระดับสูง ก็ควรปล่อยประชาชนนั้นออกไป มองว่าผลดีที่สุด และในหลายๆ ประเทศก็ใช้ทางออกแบบนี้เช่นกันนั่นคือการนิรโทษกรรม

การนิรโทษกรรม ไม่เหมือนการให้อภัยโทษ การนิรโทษกรรมคือการล้างผลพวงความผิดทั้งหมดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในทางคดีทางการเมืองก็เป็นสิ่งที่โอเคที่จะทำแบบนั้น ไม่ควรเกิดปัญหาตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งกรณีการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.ความมั่นคง เป็นลักษณะการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ

มองถึงข้อเสียของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเกิดในเฉพาะมิติของบุคคล จะเอาประเด็นเล็กๆ อย่างคดีความมาตรา 112 นั้น ขยายความว่าคดีเหล่านี้ทำให้เกิดเรื่องของการเปิดให้คนมาวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน อาจเป็นสิ่งไม่ควรเกิดสำหรับจารีตประเพณีวัฒนธรรมประเทศไทย จะเป็นในประเด็นมุมมองของบุคคลกลุ่มหนึ่งที่เป็นอนุรักษนิยมหรือจารีตนิยมสูง ทำให้เกิดชนวนนำมาเป็นประเด็นโจมตี ทำให้ประชาชนที่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่ได้รับไปด้วย

กลุ่มบุคคลไม่เห็นด้วยหรือออกมาต่อต้าน ไม่น่าจะออกมาต่อต้านขนาดถึงกับการตั้งม็อบขนาดนั้น ปัจจุบันแม้ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันกับพรรครัฐบาลเก่า ด้วยฐานมวลชนสามารถจัดความสัมพันธ์ปัญหาปากท้องเป็นหลัก กลุ่มพรรคเพื่อไทยหากเรียก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจริงๆ เขาก็ไม่ได้มีส่วนเสียหาย เพราะมีทั้งกลุ่มเสื้อแดงจำนวนมากถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ฉะนั้นฐานพรรคเพื่อไทยเองไม่น่ามีปัญหากับกรณีเช่นนี้ ส่วนฐานกลุ่มอนุรักษนิยม เป็นฐานพลังไม่น่ากังวลเท่ากับตอนสมัยเมื่อปี 2556

สำหรับข้อเสนอแนะ กรณีนี้ต้องอาศัยผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ค่อนข้างชัดเจน อาจจะต้องมีการจัดเวทีพูดคุย จะทำให้คนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดคือประชาชนจริงๆ

ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์
และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

หากกล่าวถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคก้าวไกลจะนำเสนอต่อสภานั้น คิดว่าเป็นข้อเสนอของพรรคก้าวไกลเพื่อหวังคะแนนเสียง แต่ความเป็นไปได้ หรือเกิดขึ้นจริง เชื่อว่าคงยาก รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคงไม่เห็นด้วย หากฟังจากนายชูศักดิ์ แสงนิล แกนนำพรรคเพื่อไทย แสดงความคิดออกมาในลักษณะแสดงความกังวลใจว่าจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะว่าการนิรโทษกรรมจะเป็นกรณีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในทางการเมือง แต่ยังมีประเด็นสำคัญที่พรรคเพื่อไทยไม่กล้าไปแตะต้องด้วยก็คือมาตรา 112 พรรคเพื่อไทยกังวลใจเรื่องนี้ เนื่องจากไปเกี่ยวพันกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ หากพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยคล้อยตามกับพรรคก้าวไกล

อาจจะถูกตั้งคำถามว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะกลับไปสู่เงื่อนไขเดิม ก็คือไปพัวพันกับมาตรา 112 ดังนั้นจึงมองว่าพรรคเพื่อไทยต้องการเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมช่วงก่อนการเลือกตั้ง ก็เพื่อรักษาสัญญากับประชาชน และต้องการสร้างกระแสความนิยมทางการเมืองให้กับพรรค แต่ความเป็นไปได้ คิดว่าค่อนข้างเป็นไปได้ยากที่พรรคเพื่อไทยจะเห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

หาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเกิดขึ้น ข้อดีจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ทางการเมืองของผู้เห็นต่างที่ถูกรัฐบาลแจ้งความดำเนินคดีก่อนหน้านี้ และสร้างความขัดแย้งอย่างมากมาย หากย้อนกลับการใช้กฎหมายอาจจะไปถึงคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง กปปส. จะคลายความขัดแย้งในสังคมไทยที่สะสมมายาวนาน แต่พรรคเพื่อไทยไม่กล้าแตะ หากทำได้ก็ถือว่าดี และทุกฝ่ายจะต้องร่วมไม้ร่วมมือกัน ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน การที่พรรคก้าวไกลเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หากพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยก็ไม่ผ่าน

การที่จะให้มองว่าพรรคก้าวไกล ต้องการจะนิรโทษกรรมให้กลุ่มคนที่ทำผิดมาตรา 112 หากดูในรายละเอียด อย่างน้อยจะมีการนิรโทษกรรมเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 ถ้านับย้อนไปพรรคก้าวไกลยังไม่เกิดขึ้น และยังเป็นการคืนความยุติธรรมผู้เห็นต่างทางการเมือง เป็นสภาวะทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ผู้เห็นต่างทางการเมืองย่อมเกิดขึ้นได้ แต่มีคดีความก็เนื่องมาจากรัฐบาลก่อนหน้านั้น ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างทางการเมือง ทั้งที่ไม่จำเป็นจะต้องไปใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างรุนแรง

ถ้าให้มองกรณีมาตรา 112 เป็นความต้องการของพรรคก้าวไกล เพราะพรรคเห็นว่ามีการนำเอามาตรา 112 มาใช้ทางการเมือง ทำลายผู้เห็นต่างทางการเมือง โดยแจ้งข้อหา 112 แต่พรรคเพื่อไทยมีปัญหาแน่ เพราะไม่ได้สนใจในมาตรา 112 มาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ช่วงการเลือกตั้ง พูดเพื่อหาคะแนนเสียงเลือกตั้งเท่านั้น ช่วงนี้ได้อำนาจมาแล้ว และการได้อำนาจในการบริหารครั้งนี้ ได้แรงสนับสนุนจากปีกขวาก็คือฝ่ายอนุรักษนิยม จึงทำให้พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องเปลี่ยนยุทธวิธีทางการเมือง ตอนนี้ได้อำนาจมาแล้ว การหาเสียงว่าจะแก้มาตรา 112 ก็ไม่คิดจะแก้แล้ว เป็นเทคนิคการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น

หาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมย้อนหลังไปเพียงครึ่งเดียว โดยเฉพาะผู้เห็นต่างทางการเมือง แต่ไม่ถึงผู้ทำผิดมาตรา 112 เรื่องนี้อาจทำได้ แต่พรรคก้าวไกลไม่เอาด้วย หากคิดว่าจะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คิดว่ายกโทษให้กับผู้เห็นต่างทางการเมืองทั้งหมด ไม่รวมถึงผู้บงการอยู่เบื้องหลังและผู้ทำผิดมาตรา 112 สามารถทำได้ แต่จะมีคนจำนวนมากจะเห็นว่าเพราะมาตรา 112 ไม่เป็นธรรมกับพวกเขา พรรคก้าวไกลก็ไม่เอาเช่นกัน

ถ้าหากพรรคก้าวไกลเอาด้วย ก็จะโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลตระบัดสัตย์ หาเสียงหลอกประชาชน จะเหมือนกับพรรคเพื่อไทยหลอกประชาชนเพื่อตั้งรัฐบาล จึงทำให้พรรคก้าวไกลไม่กล้า ยังเป็นการแสดงว่าพรรคก้าวไกลมีความจริงใจมากกว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่เป็นการตระบัดสัตย์ หวังเพียงแค่ให้ได้อำนาจ แต่พรรคก้าวไกลต้องการแสดงว่า ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ยังมีจุดยืนตรงไปตรงมาและคงเส้นคงวา

ส่วนข้อเสนอแนะ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มองว่าเป็นเรื่องสำคัญ หากเป็นไปได้อยากให้มีเหมือนกัน ย้อนกลับไปปี 2549 และไปนิรโทษกรรมผู้เห็นต่างทางการเมืองรวมทั้งมาตรา 112 จะต้องนำมาพิจารณาว่าคดีไหนเป็นเรื่องเจตนาวิจารณ์สถาบันจริงๆ หรือคดีไหนถูกกลั่นแกล้งทั้งที่ไม่มีเจตนาจะทำผิดมาตรา 112 เพราะคดีนี้มีมาก อาจกล่าวได้ว่าเห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล แต่ต้องศึกษาให้รอบด้านและรอบคอบจริงๆ

หาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเกิดขึ้นในส่วนของผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง ก็จะต้องมีการฟ้องร้องกันเพื่อคืนความเป็นธรรม หากติดคุกและต้องดูคำพิพากษาว่าผิดตั้งแต่ตอนไหน ต้องเยียวยาในรูปของตัวเงิน รัฐบาลจะต้องเสียเงินให้กับพวกเขาเหล่านั้น เพราะบางคนติดคุก สูญเสียอาชีพ ทั้งหมดจะต้องตีเป็นมูลค่าเป็นตัวเงินทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ต้องมองว่า ชนชั้นนำได้หลอกประชาชนให้ทำผิดทางการเมืองจนติดคุก แต่เพื่อให้ตนเองได้อำนาจ และหลอกกันมาตลอด คนที่ติดคุกคือประชาชน เพราะฉะนั้นอ้างไม่ได้ว่ามีการปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยการตั้งรัฐบาลข้ามขั้วไปรวมกับขั้วอำนาจเก่า และบอกว่าก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

แต่จะต้องคืนความเป็นธรรม เพราะประชาชนถูกนักการเมืองหลอกมาชุนนุมประท้วง ทำให้เกิดความเห็นต่างทางการเมือง เพื่อก้าวไปสู่อำนาจของตัวเอง จึงต้องกลับไปหาจุดที่หลอกประชาชน ไม่ใช่จับมือกันแล้วบอกว่าปรองดองและข้ามความขัดแย้งถือว่าไม่ได้

สำหรับรัฐบาลชุดนี้จะสามารถออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้หรือไม่นั้น มองว่าไม่มีทาง เพราะพรรคเพื่อไทยได้รับฉันทานุมัติในการจัดตั้งรัฐบาลมาจากฝ่ายอนุรักษนิยม พรรคเพื่อไทยไม่สามารถแตะต้อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้ได้ ที่สำคัญพรรคเพื่อไทยไม่คิดจะทำด้วย เพราะพรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง โดยนำนายทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย ถือว่าเป็นชัยชนะที่ตั้งธงไว้แล้ว และ 4 ปีต่อไปนี้คือการถอนทุนทางการเมือง เรื่องอื่นจึงไม่คิดแล้ว

อนาคตทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยจึงอยู่ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะมาเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริงส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นเพียงนายกรัฐมนตรีอุปโลกน์ขึ้นมา ทำงานเพื่อเปิดทางให้กลุ่มทุนที่ลงทุนไปกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ถอนทุนคืน ทุกคนก็สมประโยชน์แล้ว และ 4 ปีนี้ต้องพยายามกำจัดพรรคก้าวไกลให้ได้ รัฐบาลมีโจทย์ต้องทำเพียงแค่นี้ และไม่หวังจะไปออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image