ศึกคารมคนดัง โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

AFP PHOTO / TIMOTHY A. CLARY

ไม่บ่อยนักที่คนระดับผู้นำประเทศจะทะเลาะกับดาราดัง แต่สำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ สร้างข้อยกเว้น (อีกแล้ว) เมื่อปะทะคารมกับ เมอรีล สตรีพ นักแสดงหญิงขวัญใจชาวอเมริกัน

ความที่ทั้งสองอาชีพต่างเป็นคนของประชาชน ศึกนี้จึงร้อนระอุอยู่ในโลกโซเชียล แบ่งเป็นทีมทรัมป์กับทีมสตรีพ โต้เถียงกันไปมา

หากให้จัดประเภทข่าวนี้ก็คงจะอยู่ได้ทั้งหมวดข่าวบันเทิงและหมวดข่าวการเมือง เพราะตัวบุคคลและสถานที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมบันเทิง ส่วนเนื้อหาว่าด้วยการเมือง

ต้นตอของศึกนี้มาจากฝ่ายดาราที่ขึ้นรับรางวัลลูกโลกทองคำและกล่าวสุนทรพจน์ที่มีเนื้อหาทางการเมืองตำหนิว่าที่ผู้นำประเทศ

Advertisement

รางวัลที่สตรีพได้รับครั้งนี้เป็นรางวัลพิเศษ ไม่ได้ให้ผลงานใดผลงานหนึ่ง แต่เป็นรางวัลเกียรติยศซีซิล บี. เดอมิลล์ ที่ตั้งชื่อตามบิดาแห่งโลกภาพยนตร์ของอเมริกา มอบให้ผู้สร้างงานทรงคุณค่าแก่วงการภาพยนตร์ ดังนั้นการกล่าวรับรางวัลจึงมีเนื้อหากว้างกว่าภาพยนตร์ โดยขยายไปถึงเรื่องสังคมและการเมืองในชีวิตจริง

“นักแสดงมีหน้าที่เข้าถึงชีวิตของผู้คนที่แตกต่างจากตนเอง เพื่อให้คนดูสัมผัสถึงชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น ฮอลลีวู้ดจึงเต็มไปด้วยคนนอกและชาวต่างชาติ ถ้าคุณผลักไสพวกเขาออกไป พวกคุณจะไม่มีอะไรให้ดูนอกจาก (อเมริกัน) ฟุตบอล และศิลปะป้องกันตัวที่ผสมผสานเปะปะ ไม่ใช่งานศิลปะ”

เป็นวาทะแสดงจุดยืนทางการเมืองแนวเสรีนิยมที่ต่อต้านนโยบายกีดกันคนต่างด้าวของนายทรัมป์ที่ใช้ตอนหาเสียง

Advertisement

ประเด็นที่ไปสะกิดให้นายทรัมป์ตอบโต้อย่างดุเดือด คือการตำหนิที่นายทรัมป์ล้อเลียนความพิการของนักข่าวของนิวยอร์กไทม์ส ซึ่งทรัมป์ยืนยันว่าไม่เคยทำหรือคิดจะทำ ก่อนจะซัดกลับสตรีพว่า เป็นนักแสดงที่ได้รับการตีค่ามากเกินไป

ถ้อยคำตอบโต้นี้ตั้งใจจะดิสเครดิตสถิติของสตรีพที่มีผลงานเข้าชิงรางวัลสูงสุดเหนือนักแสดงคนใดๆ เฉพาะเวทีออสการ์ เข้าชิงถึง 19 ครั้ง พิชิตไปแล้ว 3 รางวัล ส่วนเวทีลูกโลกทองคำเข้าชิง 30 ครั้ง พิชิตได้ 8 รางวัล

ส่วนวาทะส่งท้าย “หล่อนเป็นแค่สาวกฮิลลารีขี้แพ้เท่านั้น” ตอกย้ำถึงนิสัยของทรัมป์ที่แสดงอยู่บ่อยๆ

ก่อนมาถึงการวิวาทกับเมอรีล สตรีพ ทรัมป์ใช้คารมซัดกลับคนที่ต่อว่าตนเองมาแล้ว เช่น พ่อแม่ทหารผ่านศึกเชื้อสายปากีสถานที่ขึ้นเวทีพรรคเดโมแครตตำหนิทรัมป์เรื่องกีดกันเชื้อชาติ-ศาสนา และอดีตมิสยูนิเวิร์สชาวเวเนซุเอลาซึ่งโจมตีว่าทรัมป์เคยพูดจาเหยียดหยามผู้หญิง

คาดได้ว่าศึกปะทะวาจาครั้งใหม่จะตลบอยู่ในโลกออนไลน์ไประยะหนึ่งเพราะแฟนคลับของทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมใคร ซึ่งผู้ชมคนไทยคงจะได้ติดตามด้วย และบางคนก็มีอารมณ์ร่วมด้วย บ้างถึงขนาดเปรียบเทียบกับวาทะขึ้นรับรางวัลของผู้กำกับฯ-นักแสดงไทย ทั้งที่องค์ประกอบสลับขั้วกันหมด

แม้ว่ากรณีนี้จะแสดงถึงความขัดแย้งในสังคม แต่ก็สะท้อนว่า นี่ก็คือสังคมเสรี แต่ละคนแสดงความเห็นได้ เลือกข้างได้ วิจารณ์ได้ ต่อสู้ทางความคิดได้

ต่อให้มีคนไม่ชอบทรัมป์ขนาดไหนก็จะไม่มีกองทัพมาขัดขวางทรัมป์สาบานตนเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. อย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image