ผู้เขียน | ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช |
---|
‘โจ ไบเดน’ฝ่าควันปืนเยือนอิสราเอล
การที่ฮามาสโจมตีอิสราเอล นำมาซึ่งการตอบโต้ขนาดใหญ่ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ “กาซา” ถูกถล่มทางอากาศ มีผู้เสียชีวิตถึง 500 คน เป็นเหตุให้การสู้รบได้รุกรานไปเกือบทุกมุมโลก มีการต่อต้านหลายรูปแบบ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวัย 81 ไปเยือนอิสราเอลท่ามกลางเสียงปืนที่ “กาซา”
ว่ากันว่า ไปสนับสนุนอิสราเอลให้ตอบโต้การโจมตีของฮามาส อีกประการหนึ่ง เพื่อยับยั้งนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูให้จำกัดขอบเขตและขนาดของการสู้รบ เพราะเกรงจะเกิดวิกฤตมนุษยธรรมที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
หากพิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของไบเดน น่าจะเข้าทำนองความขัดแย้งทางด้านจิตใจตามตรรกจิตวิทยาที่ว่า Approach Avoidance Conflict คือใจหนึ่งอยากให้อิสราเอลตอบโต้ อีกใจหนึ่งไม่อยากให้รุนแรงเกินขนาด
ทว่าประเด็นที่น่าสนใจคือ ระหว่างที่ไบเดนเยือนอิสราเอล การประชุมตะวันออกกลาง 4 ฝ่าย ว่าด้วยการสถาปนาประเทศของปาเลสไตน์และการอยู่ร่วมกันระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์อย่างยั่งยืน เป็นการทำให้ตะวันออกกลางเริ่มเห็นแสงสว่างบ้างเล็กน้อย อุปมาเสมือนสายรุ้งที่ตัดพาดเมฆหมอก
การที่ “โจ ไบเดน” ไปอิสราเอลท่ามกลางเสียงปืนในยามนี้ นอกจากคำว่า “เสี่ยงตาย” คงไม่มีคำอื่นที่เหมาะสมกว่า ทั้งที่รู้ว่าไม่ปลอดภัย แต่ก็จะไป ไปเพื่อให้กำลังใจแก่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู และประชาชนในฐานะที่เป็นกัลยาณมิตร จึงต้องถือว่า “โจ ไบเดน” ให้บริการอิสราเอลชนิด “ขายชีวิต”
แม้ไบเดนชราภาพมากแล้ว แต่ก็ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย กลับแสดงความองอาจกล้าหาญ ย่างก้าวเหยียบบาทสมรภูมิ บัญชาและควบคุมสถานการณ์ มิให้เสียรังวัด รักษาหน้าตา เพื่อคงความเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง
แต่โอกาสเช่นว่าคงไม่อยู่ยืนโยงยาม เพราะจีนกำลังผงาดขึ้นมาและเริ่มมีบทบาท ในขณะที่นโยบายตะวันออกกลางของสหรัฐประสบความล้มเหลว ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ไบเดนต้องฝ่าควันปืนไปอิสราเอล
พลันที่ไบเดนเดินทางถึงจุดหมาย มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ศูนย์กลางกาซาถูกทหารอิสราเอลโจมตีทางอากาศ แต่รัฐบาลอิสราเอลปฏิเสธและอ้างว่าเป็นการโจมตีด้วยจรวดของกลุ่มญิฮาด (Jihad)
องค์กรอนามัยโลกได้ประณามว่า เป็นการโจมตีขนาดใหญ่เป็นประวัติการณ์ ส่วนสำนักข่าวเอพีรายงานว่า ถ้าเป็นการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลจริง ก็แสดงว่าความชั่วร้ายพอกับปาเลสไตน์ เพราะตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา เกิดความขัดแย้งและมีการสู้รบถึง 5 ครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์
ประธานกลุ่มปาเลสไตน์ได้กล่าวโทษว่า พฤติการณ์เป็นการ “สังหารหมู่” จึงกำหนดพิธีไว้อาลัย 3 วันให้แก่ชาวปาเลสไตน์ พร้อมกับยกเลิก “กำหนดการ” ที่จะพบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน
สังคมกำลังวิตกว่า ท่ามกลางการบุกรุกโจมตีทางภาคพื้นดินของทหารอิสราเอล กล่าวกับ “เฉลียงกาซา” วิกฤตมนุษยธรรมได้เพิ่มหนักขึ้นทุกขณะ เพราะโรงพยาบาลโรคมะเร็งที่กาซาขาดแคลนพลังไฟฟ้าถูกบังคับให้ปิดบริการ เป็นเหตุให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งได้รับความเดือดร้อนกันทั่วหน้า
แม้ “โจ ไบเดน” ฝ่ากระสุนปืนเยือนอิสราเอล แต่อเมริกันชนในประเทศได้แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนปาเลสไตน์ อีกฝ่ายหนึ่งสนับสนุนอิสราเอล ความขัดแย้งจึงเกิด กลายเป็นสงครามที่ปราศจากควันปืน
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยพันธมิตรเอกชน 8 แห่ง (Ivy league) ที่เก่าแก่และมีประวัติอันยาวนานที่สุด บัดนี้ได้กลายเป็นสมรภูมิหลักไปแล้ว หนึ่งในนั้นคือมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งมีนักศึกษาเป็นชาวยิวได้ถูกทำร้าย ทั้งสองฝ่ายปะทะกันดุเดือด เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์
หากไบเดนเกิดความล้มเหลวในการเคลียร์พื้นที่แนวหน้าของอิสราเอลกับปาเลสไตน์ กอปรกับความโสมมภายในประเทศ ความเสื่อมจะต้องมาเยือนอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องกระทบถึงการเลือกตั้งประธานาธิดีปี 2024 อย่างแน่นอน
หากพินิจถึงเบื้องหลังของ “ทริปไบเดน” ในครั้งนี้ การที่กระเหี้ยนกระหือรือเยือนอิสราเอลชนิดเสี่ยงตาย นอกจากเพื่อบัญชาสนามรบ ให้กำลังใจแก่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู ตลอดจนชาวยิวแล้ว
ที่สำคัญที่สุดอีกประการหนึ่ง คือความประสงค์อันแรงกล้า เพื่อธำรงไว้ซึ่งฐานันดร Big Brother ในตะวันออกกลาง จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อสกัดจีนมิให้เข้าแทนตำแหน่งอันทรงพลัง
กรณีพอจะอนุมานได้ว่า “โจ ไบเดน” คงจะต้องฝันสลาย