ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม นายกฤษณ์ คงเมือง ผวจ.เพชรบูรณ์ กล่าวถึงกระแสดราม่าคำขวัญประจำจังหวัด 3 ผลงานที่ส่งเข้าประกวด และได้ผ่านโหวตคัดเลือกของคณะกรรมการ จากนั้น สนง.วัฒนธรรมจังหวัดฯ ได้นำขึ้นให้ประชาชนโหวตเลือกคำขวัญ ที่สมควรได้รับอันดับสูงสุด ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์จนถึงวันที่ 30 ธันวาคมนี้ว่า
สืบเนื่องจากเมืองศรีเทพได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก ทำให้หลายๆ ฝ่ายต่างเห็นสมควรจะเพิ่มคำว่ามรดกโลกเข้าไปในคำขวัญประจำจังหวัด ทางจังหวัดจึงให้จัดประกวดขึ้น โดยเน้นขอให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นต้องให้ชาวเพชรบูรณ์ได้ร่วมโหวตด้วย
“หากผลประกวดคำขวัญออกมาไม่ถูกใจ หรือไม่ตรงใจชาวเพชรบูรณ์ เราก็ไม่ประกาศใช้โดยให้ใช้ของเดิมไปก่อน จนกว่าเราจะได้คำขวัญที่ถูกใจชาวเพชรบูรณ์”
“โดยเฉพาะหากคำขวัญใหม่ที่จะใช้ หากไม่ได้รับการยอมรับจากชาวเพชรบูรณ์ก็ไม่ประกาศ ฉะนั้น จึงขอให้ชาวเพชรบูรณ์สบายใจ”
“ส่วนในการเปิดให้ประชาชนร่วมโหวต 3 คำขวัญผ่านทางออนไลน์นั้น ยังต้องดำเนินการต่อไป เพราะกติกากำหนดไว้แล้ว”
(ที่มา : มติชน ฉบับวันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 หน้า 7)
เมืองศรีเทพ พบหลักฐานโบราณคดีและมานุษวิทยาจำนวนมากสนับสนุนอย่างแข็งแรงและหนักแน่นว่าเป็นต้นทางสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ดังนี้
(1.) เมืองศรีเทพเป็นศูนย์กลางรัฐทวารวดี (ตรงตามทิศทางในจดหมายเหตุจีน)
(2.) จากนั้นสืบเป็นมรดกตกทอดถึงเมืองละโว้ (ลพบุรี) และ
(3.) สืบเนื่องถึงเมืองอโยธยา, เมืองอยุธยา, กรุงธนบุรี, กรุงรัตนโกสินทร์ กระทั่งเป็นประเทศไทยทุกวันนี้
ประวัติศาสตร์ไทยถูกกระทำอย่างทุจริตบิดเบือนมามากและนานแล้ว เพราะหลงหา “คนไทยแท้” สายเลือดบริสุทธิ์จากตอนใต้ของจีน ซึ่งไม่มีจริงในโลก
ความเป็นคนไทยคือลูกผสม “ร้อยพ่อพันแม่” มาจากชาวสยาม (พูดภาษาไท-ไต เป็นภาษากลาง) บริเวณโซเมีย ตั้งแต่ตอนใต้ของจีน ถึงลุ่มน้ำโขง, ลุ่มน้ำสาละวิน, ลุ่มน้ำมูล, ลุ่มน้ำป่าสัก, และลุ่มน้ำเจ้าพระยา เป็นต้น ที่มีเมืองศรีเทพเป็นต้นทางสำคัญมาก แต่ถูกทำให้ลืมด้วยการบิดเบือน
สนง.วัฒนธรรมจังหวัดฯ บางจังหวัดเคยทำผิดพลาดคลาดเคลื่อนมาแล้ว กรณี คำขวัญจังหวัดว่า “สิบเอ็ดประตู” เพราะอ่อนแอเรื่องหลักวิชาการและข้อมูลประวัติศาสตร์โบราณคดี ขณะเดียวกันก็อ่อนน้อมต่ออำนาจท้องถิ่นด้วยการปิดหูปิดตาตนเองแล้วปฏิเสธงานค้นคว้าวิจัยของนักค้นคว้าและนักวิชาการจำนวนมาก จนยอมเสียหลักการทางวิชาการ ซึ่งมีความหมายเท่ากับบิดเบือนประวัติศาสตร์
หลักฐานประวัติศาสตร์เป็นลายลักษณ์อักษรบนใบลานว่า “เมืองร้อยเอ็ดประตู” แต่ถูกบิดเบือนว่า “สิบเอ็ดประตูเมืองงาม” เพียงเพื่อสมอ้างสนองจัดงานเฉลิมฉลองมี 11 ขบวนด้วยงบประมาณก้อนโต ซึ่งผู้มีอำนาจบิดเบือนเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้บริหารพรรคการเมืองแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ซอฟต์ เพาเวอร์ ถ้าต้องบิดเบือนประวัติศาสตร์อย่างด้านๆ ขอให้รัฐบาลไตร่ตรองจงหนักว่าคุ้มหรือไม่ถ้าถูกประณามตลอดไปในประวัติศาสตร์ไทยชั่วนิรันดร์