ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
“ศรีจนาศะ” เป็นชื่อในศิลาจารึก พ.ศ. 1480 เชื่อกันว่าเป็นชื่อดั้งเดิมของเมืองเสมาและเครือข่าย (เมืองศรีเทพ)
ศิลาจารึกมีชื่อศรีจนาศะ คือ “หลักที่ 117 ศิลาจารึกหลักใหม่ ค้นพบในพระนครศรีอยุธยา” (พิมพ์อยู่ในหนังสือ ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 4 โดยคณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ สํานักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2513 หน้า 216-220)
ศิลาจารึกหลักนี้พบโดยบังเอิญในพระนครศรีอยุธยา [เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2482 ขณะขุดถนนตรงเนินดินใกล้โบสถ์พราหมณ์ (เทวสถาน) บริเวณสะพานชีกุน ข้ามคลองชีกุน (ชีกุน มาจาก ชีกูณฑ์ หมายถึง พราหมณ์ทําพิธีโหมไฟบูชาพระเป็นเจ้า เป็นพิธีกรรมในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู)] ศ. ยอร์ช เซเดส์ เขียนอธิบายเป็นภาษาฝรั่งเศส (พ.ศ. 2487) ต่อมาแปลเป็นภาษาไทยโดย ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล (และตรวจแก้โดย มหาฉ่ำ ทองคําวรรณ) ความว่า
“ไม่ทราบว่าศิลาจารึกหลักนี้มาจากไหน ตามสถานที่ค้นพบก็อาจกล่าวได้ว่าคงอยู่นั่นมาตั้งแต่ครั้งพระนครศรีอยุธยาเป็นราชธานี”
“เราไม่สามารถทราบได้ว่าศิลาจารึกนี้อยู่ที่นั่นมาตั้งแต่แรกสร้าง หรือนำมาจากที่ อื่น แต่ก็คงจะนำมาจากที่อื่นมากกว่า”
จนาศะ รากศัพท์คำว่า “จัน” หรือ “จน” (อ่าน จะ-นะ) มีความหมายว่า ดีใจ พึงพอใจ ปีติ โดยเมื่อใช้ในหน้าที่และบริบทที่แตกต่างออกไป จะเป็นศัพท์ต่างๆ ดังนี้
- จนัศ เป็นคำนาม หมายถึง ความดีใจ ความพึงพอใจ ความปีติ
- จนัศยะ ใช้เมื่อแสดงความเป็นเจ้าของของความดีใจ ความพึงใจ ความปีติ เช่น ความดีใจของ…(บุคคล)…
- จนัศศิตา เป็นคำที่ใช้ในคัมภีร์พระเวท ในความหมายว่า พึงพอใจ และมีน้ำใจ (คำวิเศษณ์)
[พจนานุกรมภาษาสันสกฤต-อังกฤษ ของ เซอร์ โมเนียร์ วิลเลียมส์ (Sanskrit-English Dictionary by Sir Monier Monier-Williams) โดยสำนักพิมพ์ The Clarendon Press มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ พิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1960 (พ.ศ. 2503) (พิมพ์ครั้งแรก ค.ศ. 1851 (พ.ศ. 2394) สมัย ร.4 เป็นหนังสืออ้างอิงที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก มีพิมพ์ซ้ำอย่างต่อเนื่อง ค้นคว้ามาอธิบายโดย รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล (มหาวิทยาลัยรามคําแหง) และ พันธุ์ทิพย์ ธีระเนตร (มติชน)]
- ศรีจนาศะกับอยุธยา
ศรีจนาศะเป็นเครือญาติสืบทอดถึงอยุธยา ดังนี้
- ศิลาจารึกหลักที่ 117 มีชื่อ “ศรีจนาศะ” เดิมอยู่เมืองเสมา อ. สูงเนิน จ. นครราชสีมา
- ถูกขนย้ายไปพระนครศรีอยุธยา (โดยชนชั้นนําอยุธยา) ตั้งแต่แรกสถาปนากรุง ศรีอยุธยา พร้อมพระขรรค์ชัยศรี (ที่พ่อขุนผาเมืองรับพระราชทานจากกษัตริย์กัมพูชา) ในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวงศ์กษัตริย์ที่สืบทอดถึงอยุธยา
เป็นหลักฐานสําคัญมากแสดงว่าเมืองเสมาสืบเนื่องความสัมพันธ์ทางการเมืองแบบเครือญาติกับรัฐละโว้ถึงรัฐอโยธยา และรัฐอยุธยา
[มีข้อมูลและข้อถกเถียงอีกมากอยู่ในหนังสือ ศรีจนาศะ รัฐอิสระที่ราบสูง รวมบทความวิชาการเกี่ยวกับเมืองศรีจนาศะ (สุจิตต์ วงษ์เทศ บรรณาธิการ) สํานักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2545]
- ศรีจนาศะกับกัมพูชา
ศรีจนาศะมีความสัมพันธ์เชิงเครือญาติใกล้ชิดกับกัมพูชา เมื่อพบข้อความภาษาสันสกฤตว่า “กัมพุเทศานตเร” ในจารึก พ.ศ. 1411 “หลักที่ 118 ศิลาจารึกบ่ออีกา” (ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 4 พ.ศ. 2513 หน้า 221-228)
“บ่ออีกา” เป็นชื่อชาวบ้านเรียกสระน้ำกลางเมืองเสมา
“กัมพุเทศานตเร” นักปราชญ์ฝรั่งเศส 2 ท่าน แปลต่างกัน ดังนี้
(1.) ศ. ยอร์ช เซเดส์ แปลว่านอกอาณาเขตกัมพุเทศะ และสรุปว่าศรีจนาศะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชา
(2.) ศ. โคลด ชาร์ด แปลว่าภายในประเทศกัมพูชา แล้วอธิบายว่าเนื้อความในจารึก
เป็นเรื่องในพุทธศาสนา แต่ทบทวนการสร้างศิวลึงค์ แสดงว่าในช่วงเวลานั้นชาวเขมรจากกัมพูชาเข้ามาถึงแล้ว
[ดูในหนังสือ ศรีจนาศะ รัฐอิสระที่ราบสูง พ.ศ. 2545 หน้า 109-111]
ไม่ว่าจะแปลเป็น “นอกกกัมพุเทศ” หรือ “ในกัมพุเทศ” ล้วนแสดงความสัมพันธ์เชิงเครือญาติใกล้ชิดระหว่างศรีจนาศะกับกัมพูชา จึงไม่น่าจะหมายถึงเขตแดนทางการเมือง แต่มีความหมายเชิงวัฒนธรรม เ ช่น เครื่องแต่งกายในพิธีกรรมไม่เหมือนกัน เป็นต้น