ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
งานหลักไม่มี ส่วนที่ยกมาอวดเป็นงาน “อีเวนต์” ของข้าราชการประจำ
“เสริมศักดิ์” อวดผลงานวัฒนธรรมเด่นรอบ 90 วัน
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้สรุปผลการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัด โดยมีผลงานสำคัญในช่วง 90 วัน ดังนี้
(1.) กิจกรรมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ (2.) การดำเนินงานตามแนวทางประชาชนจิตอาสาพระราชทาน มีการบริจาคโลหิต (3.) การส่งเสริมทุกศาสนาให้เป็นกลไกสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิต โดยขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (4.) การส่งเสริมการสร้างรายได้ด้วยการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ดำเนินโครงการ 10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย ผลักดันเมืองโบราณศรีเทพให้เป็นมรดกโลก ส่งเสริมการท่องเที่ยวแหล่งโบราณสถานยามราตรี (5.) การสนับสนุนให้ภาคธุรกิจและทุกภาคส่วน เป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้า งานเทศกาลระดับโลก (6.) ปรับปรุงกฎหมาย ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ และกฎหมายส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (7.) ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการทำงานด้านวัฒนธรรม (8.) การนำซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศมาพัฒนาแรงงาน สร้างมูลค่าและรายได้ อาทิ อบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย เข้าสู่ตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ (9.) การอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาต่อยอดศิลปะ วัฒนธรรม และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อนำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม (10.) การเสริมสร้างศักยภาพผู้เรียนตามความถนัด พร้อมต่อการเปลี่ยน แปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของโลก (11.) การสนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมทั้งคนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และ (12.) การนำวัฒนธรรมเป็นกลไกหนึ่งในการเชื่อมและสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต
(ที่มา : ไทยรัฐ ฉบับวันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2567 หน้า 7)
ผลงานสำคัญ 90 วัน ที่อ้างมาทั้งหมด เป็นงาน “อีเวนต์” ของข้าราชการที่ทำประจำทุกปี จึงยังไม่ใช่งานหลักของรัฐบาล
งานหลักที่ต้องทำคือประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งต้องชำระปรับปรุงสม่ำเสมอตามข้อมูลหลักฐานที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะ “ประวัติศาสตร์โบราณ” สมัยก่อนอยุธยา เกี่ยวกับคนไทยและความเป็นไทยคือใคร? มาจากไหน? ยังไง? เมื่อไร? ฯลฯ
ประวัติศาสตร์ไทยที่ใช้งานนับร้อยปีมาแล้วเป็นประวัติศาสตร์ “ชนชาติไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์” ซึ่งไม่มีจริง แต่ยังใช้งานถึงปัจจุบัน ทำให้เรื่องราวเกี่ยวข้องคลาดเคลื่อน ได้แก่ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีค่าต่างๆ ซึ่งจะเป็นปฏิปักษ์ต่องานสร้างสรรค์
ประวัติศาสตร์ไทยต้องเป็นเรื่องราวความเป็นมาของดินแดนและผู้คนในประเทศไทยทุกชาติพันธุ์โดยไม่จำกัด ซึ่งเป็นหลักการสากล
ปัจจุบันประวัติศาสตร์ไทยยกชาติพันธุ์ไทยเป็นใหญ่เหนือชาติพันธุ์อื่น (ซึ่งไม่เป็นหลักการสากล) ทำให้เกิดความบาดหมางสร้างบาดแผลไม่จบสิ้นจนทุกวันนี้ มีหลักฐานชัดเจนคือสามจังหวัดชายแดนใต้
ประวัติศาสตร์ไทย “แห่งชาติ” กระแสหลักด้อยค่าประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ดูจากการกระทำปู้ยี่ปู้ยำต่อหลักฐานจากอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) ว่ามี “เมืองร้อยเอ็ดประตู” แต่ความอ่อนแอของ วธ. ร้อยเอ็ด ร่วมบิดเบือนว่า “เมืองสิบเอ็ดประตู”
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นแรงกระตุ้นการท่องเที่ยวท้องถิ่น ซึ่งเท่ากับกระจายรายได้เข้าชุมชนอย่างสม่ำเสมอ
ความอ่อนแอของ วธ. เรื่องข้อมูลวิชาการ แต่ไม่ยอมพัฒนา ผมว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อระบบการศึกษาที่กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของสังคมไทย