พันธกิจของ คสช.-ปรองดอง : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

แฟ้มภาพ

เหตุผลสำคัญที่คณะรัฐประหาร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้เป็นหัวข้ออ้างในการทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก็คือ เพื่อสร้างความปรองดองในหมู่ประชาชน เพราะเกิดความแตกแยกออกเป็นเสื้อสีเหลือง เสื้อสีแดง ความแตกแยกดังกล่าวก็ยังคงดำรงอยู่ หากเลิกการปฏิวัติ เลิกการห้ามชุมนุม เลิกการห้ามจัดกิจกรรมทางการเมือง ก็ยังไม่แน่นักว่าความแตกแยกจะปะทุขึ้นมาอีกหรือไม่

แต่หลายคนก็เชื่อว่าสถานการณ์ความแตกแยกได้ผ่านพ้นไปแล้ว การชุมนุมหรือการก่อความไม่สงบภายในประเทศคงจะไม่เกิดขึ้น เพราะจากการสำรวจความคิดเห็นก็ดี การลงประชามติของประชาชนในการรับร่างรัฐธรรมนูญก็เป็นเครื่องยืนยัน ประชาชนยอมรับการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านมาด้วยคะแนนเสียงข้างมากอย่างล้นหลาม ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคในการดำเนินการตามโรดแมปของคณะรัฐประหาร แม้ว่าราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ เช่น ข้าว ยางพารา ข้าวโพด อ้อยและน้ำตาล น้ำมันปาล์ม จะมีราคาลดลงกว่า 2 ใน 3 ก็ไม่มีใครเดือดร้อน แม้ว่าน้ำจะท่วมปักษ์ใต้อย่างหนัก สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง สวนปาล์มน้ำมัน ชาวไร่กาแฟ ถนนหนทางเสียหาย การคมนาคมถูกตัดขาด ไร่นาสาโทจมอยู่ใต้น้ำ ประชาชนของเราชาวใต้ก็ทนได้ ส.ส.จะลงพื้นที่ไปดูแลช่วยเหลือทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร เพราะรัฐบาลส่งกองทัพลงไปช่วยเหลือแทน การก่อการร้ายก็ลดลงจนเกือบไม่เป็นข่าว เหลือแต่ทหารพรานไว้ดูแลก็เพียงพอแล้ว

สถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังเลวร้ายอยู่ ในแง่ผลผลิตและราคาการส่งออก ผลประกอบการของธุรกิจขนาดย่อม ทุกสิ่งอย่างก็เหมือนประชาชนจะสามารถรับได้ ไม่เป็นปัญหากับรัฐบาล เพราะรัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจดีขึ้นและจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2560 นี้
หลายคนก็เชื่อตามรัฐบาลบอกว่าจะเป็นเช่นนั้น

เสถียรภาพทางการเงินของประเทศก็มั่นคง ถ้าไม่นับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำที่สุดในรอบหลายๆ ปี รายรับจากการส่งออกลดลง แต่ความที่เศรษฐกิจไม่ขยายตัวจึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าลดลงมากกว่าการหดตัวของรายได้จากการส่งออก

Advertisement

รายได้จากการท่องเที่ยวเป็นรายการเดียวที่เป็นเลขค้ำการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน แม้เราจะชูประเด็นทัวร์ศูนย์เหรียญ จับผู้บริหารบริษัทที่จับมือกับบริษัททัวร์จีน ก็ไม่เป็นไรนักท่องเที่ยวจีนก็ไม่ลดลง แถมยังมีจำนวนมากขึ้นด้วย เป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนจะมาเมืองไทยถึง 9.2 ล้านคนก็ยังคงเป็นเป้าหมายที่น่าจะทำได้ต่อไป ทุกอย่างดูสดใสไปหมดสำหรับผู้รับผิดชอบในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ จนมีดำริว่าจะต้องขึ้นภาษีหลายอย่าง เช่น ภาษีทรัพย์สิน เพื่อลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ ทั้งที่ความร้อนแรงดังกล่าวไม่มี

พันธกิจต่างๆ ที่คณะรัฐประหารให้สัญญาไว้ตามโรดแมปที่จะคืนความสุขให้กับประชาชน หลังจากที่ต้องแบกทุกข์มาเป็นเวลาเกือบ 3 ปี คงจะประสบความสำเร็จไปหมดแล้ว คงเหลือพันธกิจอยู่อย่างเดียวที่คณะรัฐประหารยังทำไม่สำเร็จ พันธกิจที่ว่านี้ก็คือการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อคณะ คสช.หันมาให้ความสำคัญกับพันธกิจที่จะสร้างความปรองดองให้กับคนไทย จึงเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและเอาใจช่วยให้ประสบความสำเร็จ

Advertisement

ก้าวแรกของการดำเนินการให้เกิดความปรองดองก็คือ การตั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ตามสูตรที่อาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ไม่ว่าจะทำงานอะไรตามที่ได้รับมอบหมายมา สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน ครั้งนี้ก็เช่นกัน

นอกจากจะตั้งคณะกรรมการที่มีชื่อยาวกว่าสะพานกรุงเทพแล้ว ยังตั้งคณะทำงานซึ่งเป็นอนุกรรมการของคณะกรรมการชุดนี้อีก 4 คณะ คือ 1.คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ 2.คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ 3.คณะเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ และ 4.คณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง กรรมการทั้งหมดทุกชุดนี้จะรวบรวมทุกๆ ฝ่าย ทุกๆ พรรคการเมือง เพื่อมาลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความสามัคคีปรองดอง จะหยุดทะเลาะกัน จะหยุดมีความคิดจะหยุดมีความเห็นแตกต่างกัน จะรักใคร่กลมเกลียวกัน

ปรากฏว่าแกนนำทุกฝ่ายทุกกลุ่มยินดีไปลงนาม ตกลงที่จะสมัครสมานกลมเกลียวรักใคร่ซึ่งกันและกัน มีอยู่กลุ่มเดียวที่ยืนท้าทาย ไม่ไปตามเสียงเรียกร้องของรัฐบาลและ คสช. ที่ไม่ยินยอมไปร่วมลงนามด้วยคือแกนนำ กปปส.และแกนนำพรรคมวลมหาประชาชน ซึ่งเป็นตัวแทนของสมาชิกพรรคที่มีจำนวนกว่าล้านห้าแสนคน นับว่าเป็นการยืนท้าทายโต้ลมอยู่เพียงกลุ่มเดียว โดยไม่สนใจใคร ไม่สนว่าเป็นความคิดของใคร และใครเป็นผู้ริเริ่ม ทั้งๆ ที่ผู้ริเริ่มเป็นเจ้ากระทรวงกลาโหมและเป็นบุคคลสำคัญใน คสช.

งานคืนความสุขให้กับประชาชนที่ คสช.ร้องบ่นทางโทรทัศน์อยู่ทุกวัน ก็คือ การนำกลับคืนมาซึ่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนในชาติ ไม่มีสีเหลืองสีแดงหรือสลิ่มหลากสี มีแต่สามสี
หรือไตรรงค์ อันได้แก่ แดง-ขาว-น้ำเงิน อันหมายถึง ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นคำขวัญที่ใช้เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ เพื่อต่อต้านลัทธิล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก
ที่มีสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเหนืออธิปไตยของไทยในขณะนั้น

ในรอบเกือบ 3 ปีตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 แม้ว่างานอื่นๆ เช่น การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการตกต่ำของราคาสินค้าเกษตรหลักๆ งานทางด้านต่างประเทศ จะไม่ประสบความสำเร็จตามที่ได้สัญญาไว้ก็ตาม หากงานจัดให้เกิดความปรองดองในชาติแม้ว่าจะเริ่มคิดเริ่มทำช้าไปเกือบ 3 ปีก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ริเริ่มทำ

ทุกคนทุกฝ่ายควรจะให้ความร่วมมือกับคณะที่ตั้งชื่อยาวๆ นี้ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน
ตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ซึ่งจะให้โอกาสกรรมการทุกคน สมาชิกทุกฝ่ายได้ระบายความคับข้องหมองใจและเสนอความเห็นต่างๆ เพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติ

พวกเราประชาชนก็ควรเอาใจช่วย ไม่ควรติเรือทั้งโกลนว่าจะไม่สำเร็จอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ควรจะเอาใจช่วยอย่างเต็มที่หากเห็นช่องทาง ถ้าจะให้เกิดความสำเร็จควรจะต้องทำอะไรบ้าง ควรทำใจให้ว่างละ “ตัวกู ของกู” ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติราชบัลลังก์เป็นที่ตั้ง ก็คงจะเห็นทางออกว่า หนทางไปสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติควรจะเป็นอย่างไร

ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องคิดเหมือนกันหมดแบบสังคมคอมมิวนิสต์ในอดีต แต่ยอมรับเสียงข้างมากและเคารพเสียงส่วนน้อยและระบอบการเปลี่ยนถ่ายอำนาจโดยสันติวิธี เลิกเรียกรถถังลากปืนใหญ่ออกมากระทำการอย่างที่เป็นมามากถึง 19 ครั้งแล้ว ในรอบ 80 ปีนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา

หากทุกคนเอาใจช่วยให้เกิดการปรองดอง ก็จะเกิดกระแสสนับสนุนให้คณะกรรมการชื่อยาวกระทำการได้สำเร็จและหากคณะกรรมการดังกล่าวสามารถทำให้เกิดความสำเร็จได้ ก็เพียงพอแล้วสำหรับการทำรัฐประหารครั้งนี้ แม้ว่าพันธกิจอื่นที่ได้สัญญาไว้จะไม่ประสบความสำเร็จเลยก็ตาม พันธกิจในการสร้างความปรองดองต้องประสบความสำเร็จ มิฉะนั้นก็ไม่มีประโยชน์ในการทำรัฐประหารครั้งนี้

การที่สังคมและประเทศชาติจะเดินหน้าไปได้ ก็ด้วยการประสานรอยร้าวจากการที่สังคมเกิดการแตกแยก เป็นรอยร้าวที่ลึกจนหยั่งไม่ถึงว่าลึกขนาดไหน การประสานรอยร้าวและกลับมาสู่ภาวะปกติที่เราอยู่กันได้ แม้ว่าความเห็นทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคมจะแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราเห็นตรงกันหมด ก็คือ การมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ขอสนับสนุนและเอาใจช่วยให้พันธกิจของ คสช.อันนี้ประสบความสำเร็จ

อย่าให้เสียของ

วีรพงษ์ รามางกูร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image