อดีตประธานาธิบดีทรัมป์โดน 2 เด้งต้องจ่ายเงินค่าเสียหายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์

อดีตประธานาธิบดีทรัมป์โดน 2 เด้งต้องจ่ายเงินค่าเสียหายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์

นางอี. จีน แคร์รอล (Elizabeth Jean Carroll-ปกติคนอเมริกันหลายคนไม่ชอบใช้ชื่อแรกของตนเองจึงใช้ชื่อกลางแทน) เป็นนักข่าว นักเขียน และคอลัมนิสต์ให้คำแนะนำชาวอเมริกัน คอลัมน์ “Ask E. Jean” ของเธอปรากฏในนิตยสาร Elle (She) ตั้งแต่ พ.ศ.2536 จนถึง พ.ศ.2562 นับเป็นคอลัมน์คำแนะนำที่เปิดดำเนินการมายาวนานที่สุดคอลัมน์หนึ่งในสำนักพิมพ์ของสหรัฐอเมริกา

นางอี. จีน แคร์รอล เขียนหนังสือชื่อ “What Do We Need Men For? : A Modest Proposal” เมื่อ พ.ศ.2562 ในหนังสือเล่มนี้กล่าวหาว่านายเลสลี มูนเวส อดีตประธานบริษัทโทรทัศน์ CBS และอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ทั้ง 2 คน ได้เคยข่มขืนนางอี. จีน แคร์รอล เมื่อเกือบ 30 ปีมาแล้ว ซึ่งทั้งนายมูนเวสและทรัมป์ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

นางอี. จีน แคร์รอล ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงนิวยอร์กใต้ว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์พยายามข่มขืนและทำร้ายเธอในห้องลองเสื้อที่ห้าง “เบิร์กดอร์ฟ กู๊ดแมน” อันเป็นห้างใหญ่โตหรูหราของนครนิวยอร์ก เธอคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงต้นปี พ.ศ.2539 ซึ่งความจริงคดีนี้หมดอายุความไปแล้วเนื่องจากเป็นการเกิดขึ้นมานานเกือบ 30 ปีแล้ว แต่ผลจากการเคลื่อนไหวของขบวนการ “Me Too” ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศครั้งใหญ่ของบรรดาสตรีทั่วสหรัฐอเมริกา ทำให้มลรัฐนิวยอร์กผ่านกฎหมายฉบับใหม่เมื่อ พ.ศ.2565 อนุญาตให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อยังสามารถฟ้องร้องได้ แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นมานานแล้วโดยไม่จำกัดอายุความ

Advertisement

แม้หลักฐานที่เกี่ยวกับการละเมิดทางเพศจะเพียงพอต่อการเดินเรื่องให้ทรัมป์ต้องรับผิดชอบจากเหตุทำร้ายร่างกาย แต่ลูกขุนไม่พบว่าเกิดการข่มขืนขึ้น คณะลูกขุนที่ศาลแขวงนิวยอร์กใต้จึงตัดสินเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2566 ว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ละเมิดทางเพศต่อนางอี. จีน แคร์รอล จริงเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว และเห็นว่าเขาทำให้ชื่อเสียงเธอเสื่อมเสีย คณะลูกขุนจึงสั่งให้ทรัมป์จ่ายเงินค่าเสียหายต่อนางแคร์รอลเป็นเงิน 5 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 178 ล้านบาท

ปรากฏว่าตั้งแต่เริ่มต้นการดำเนินคดีเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2566 นายทรัมป์ไม่เดินทางมาร่วมกระบวนการยุติธรรมนี้แม้แต่ครั้งเดียว มิหนำซ้ำนายทรัมป์ยังได้ออกมาปฏิเสธโดยเขียนข้อความลงในสื่อสังคมออนไลน์ชื่อ “โซเชียล ทรูธ” ของเขาว่า เขาไม่ได้ข่มขืนเธอ และเขาไม่เคยพบนางแคร์รอล พร้อมกล่าวหาเธอว่าพูดจาโกหก เชื่อถือไม่ได้ และแต่งเรื่องราวขึ้นมาเพื่อเพิ่มยอดขายหนังสือบันทึกความทรงจำของเธอ นี่จึงทำให้ 5 เดือนต่อมา นางแคร์รอลได้ยื่นฟ้องนายทรัมป์ในคดีหมิ่นประมาทอีกครั้งหนึ่ง

ครับ! ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2567 คณะลูกขุนของศาลแขวงนิวยอร์กใต้ แห่งนครนิวยอร์ก ได้ใช้เวลาประชุมพิจารณาไม่ถึง 3 ชั่วโมง เนื่องจากในระหว่างดำเนินคดีนายทรัมป์ไม่ให้ความร่วมมือและละเมิดอำนาจศาล โดยกล่าวหานางแคร์รอลอยู่เป็นประจำ โดยประกาศคำตัดสินให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับ นางอี. จีน แคร์รอล วัย 80 ปี เป็นเงินจำนวน 83.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,963 ล้านบาท ในคดีหมิ่นประมาท

Advertisement

ในการตัดสินครั้งนี้ ซึ่งนายทรัมป์จะต้องจ่ายเงิน 18.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้นางแคร์รอลเพื่อชดเชยความเสียหายต่อจิตใจและชื่อเสียง (ทั้งๆ ที่เธอเรียกร้องเพียง 10 ล้านดอลลาร์) กับอีก 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นค่าเสียหายในความประพฤติที่ไม่เหมาะสมในศาลเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง

แน่นอนที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะอุทธรณ์ทั้ง 2 คดี เพื่อที่จะยืดเวลาในการชำระเงินร่วม 3,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นค่าเสียหายที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของคดีหมิ่นประมาท แต่ความจริงสำหรับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เป็นเรื่องที่ยังไม่ร้ายแรงที่สุดหรอก เพราะยังมีคดีที่ร้ายแรงกว่าในการฟ้องร้องนายทรัมป์โดยรัฐบาลกลางสหรัฐที่มีอยู่ถึง 4 คดี ซึ่งทั้ง 4 คดีจะต้องพิจารณากันในปีนี้ทั้งสิ้น ซึ่งบางคดีเป็นคดีที่กล่าวหาอดีตประธานาธิบดีเป็นกบฏอีกด้วย ซึ่งมีโทษถึงจำคุก ทำให้เกิดกระแสการตัดชื่อทรัมป์ออกจากผู้มีสิทธิสมัครเป็นตัวแทนลงชิงชัยเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาของพรรครีพับลิกันของบรรดามลรัฐต่างๆ ถึง 16 มลรัฐ และมี 2 มลรัฐแล้วคือ มลรัฐโคโรลาโดและมลรัฐเมนได้ตัดสิทธิของทรัมป์เรียบร้อยแล้ว และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้นำเรื่องการถูกตัดชื่อออกจากการเป็นผู้มีสิทธิสมัครเป็นตัวแทนลงชิงชัยเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาของพรรครีพับลิกันขึ้นฟ้องศาลฎีกาสหรัฐแล้วก็ตาม หากอีก 14 มลรัฐทำตามทรัมป์ก็จะหมดโอกาสสมัครเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 อย่างแน่นอน เพราะว่าการเลือกตั้งโดยคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) เป็นอำนาจของมลรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาอยู่แล้วนั่นเอง ศาลฎีกาสหรัฐย่อมไม่มีอำนาจที่จะก้าวก่ายอำนาจของมลรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image