เศรษฐาติดกับดัก 2 นโยบายหลัก

เศรษฐาติดกับดัก 2 นโยบายหลัก

รัฐบาลคุณเศรษฐาแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 สองนโยบายสำคัญทางเศรษฐกิจและการเมือง ได้แก่ การเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไป กับการแก้ปัญหาความเห็นต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 ให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นและไม่แก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์

ทั้งสองนโยบายกำลังเผชิญมรสุมถูกคัดค้านในรายละเอียดวิธีดำเนินการ ยังไม่มีใครบอกได้ว่าจะจบลงอย่างไร เมื่อไหร่

โดยเฉพาะนโยบายแก้ความเห็นต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ ก่อนการยกร่างใหม่ ต้องมีการลงประชามติถามความเห็นประชาชน

ADVERTISMENT

รัฐบาลตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นต่าง มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน

ได้ข้อสรุปเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตัดสินว่าจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ 2 ประเด็น 1.เสนอแนะรัฐบาลจัดให้มีการออกเสียงประชามติ จํานวน 3 ครั้ง 2.ประเด็นคําถามประชามติโดยถามเพียงคําถามเดียว ท่านเห็นชอบหรือไม่ที่จะมีการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภา และแบ่งเป็น 2 คําถามย่อย คือ ท่านเห็นชอบหรือไม่ที่จะจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวดหนึ่งและหมวดสอง และท่านเห็นชอบหรือไม่ที่จะให้สภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นผู้จัดทําร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่

ADVERTISMENT

คำถามในการทำประชามติถูกคัดค้านอย่างกว้างขวางว่าเป็นการล็อกการตัดสินใจลงประชามติของผู้เห็นต่าง ทำให้ไม่มีทางเลือก เพราะถ้าออกเสียงไม่เห็นด้วยก็จะเท่ากับคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่คนกลุ่มนี้เห็นด้วยกับหลักการใหญ่ควรแก้ไขหรือร่างใหม่

คณะรัฐมนตรีมีกำหนดการที่จะพิจารณาเรื่องนี้ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้

ปรากฏว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย 122 คน นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค แถลงว่าจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 256 เพื่อจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยข้ามขั้นตอนประชามติครั้งแรกไปเลย และให้มีการทำประชามติเพียง 2 ครั้ง

ความเคลื่อนไหวของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย คนกันเอง พรรคเดียวกันเอง อ่านได้ไม่ยาก เป็นการช่วยหาทางลงให้รัฐบาลมีทางเลือกมากขึ้น ในประเด็นต้องทำประชามติกี่ครั้ง 3 ครั้งหรือ 2 ครั้ง และการตั้งคำถามห้ามแก้หมวด 1 หมวด 2 ให้เอาไว้ไปว่ากันในขั้นตอนการแก้ไขมาตรา 256

คณะรัฐมนตรีจึงต้องตัดสินใจระหว่างข้อเสนอของคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการทำประชามติ กับ 122 ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าต่อโดยยึดแนวทางของฝ่ายใด

แต่ไม่ว่าจะเลือกแนวทางการทำประชามติ 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้งก็ตาม มีโอกาสที่ผู้เห็นต่างโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วุฒิสมาชิกจะยื่นเรื่องเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นนี้อย่างแน่นอน และเป็นเหตุให้การผลักดันนโยบายเรื่องนี้ล่าช้าออกไปอีก

และเมื่อถึงขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะไปเข้าสู่หมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (8) ระบุไว้ว่า ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ หรือหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่หรืออำนาจของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องที่ทำให้ศาลหรือองค์อิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่หรืออำนาจได้ ก่อนการลงมติเห็นชอบให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ

การยื่นเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของ 122 ส.ส.พรรคเพื่อไทย แม้ไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 ก็ตาม ก็เข้าข่ายแก้หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอยู่ดี

การลงคะแนนในวาระหนึ่ง ขั้นรับหลักการ และวาระสาม ขั้นสุดท้าย ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม คือ 84 เสียง

ตรงคะแนนเสียง ส.ว. 84 คน นี่แหละครับ เป็นคอขวด เป็นกับดัก

รัฐบาลจะเอาเสียง ส.ว.มาจากไหนได้ถึง 84 คน ในเมื่อ ส.ว.ส่วนใหญ่ประกาศจุดยืน ท่าทีต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข หรือหากจะแก้ไขก็ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และทำประชามติตั้งแต่เริ่มต้นก่อนจะมีการยกร่างใหม่คือ 3 ครั้ง

ซึ่งเป็นที่มาของการตั้งคำถามประชามติ ตามมติของคณะพิจารณาศึกษาแนวทาง ที่มีนายภูมิธรรม เป็นประธาน

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ นโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือยกร่างใหม่โดย ส.ส.ร.จึงไม่ต่างไปจากนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ที่น่าจะได้บทสรุปว่าสุดท้ายแล้วต้องล้มไปโดยปริยาย ไม่สำเร็จอย่างแน่นอน

ต่อให้ทำประชามติ 2 ครั้ง 3 ครั้งก็เถอะผู้มีอำนาจตัดสินใจไม่ยอมรับเสียอย่าง ไม่มีบทกำหนดโทษใดๆ ทั้งสิ้น

แม้วุฒิสมาชิกชุดนี้จะหมดวาระในเดือนพฤษภาคมนี้ก็ตาม แต่บทบัญญัติว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกเขียนล็อกไว้ หลายชั้น หลายขั้นตอน ยังดำรงคงอยู่จนถึงวุฒิสภาสมัยหน้าเข้ามาทำหน้าที่

ฉะนั้น การเลือกตั้งวุฒิสภาครั้งหน้า ถ้าฝ่ายที่เห็นชอบด้วยกับการแก้ไข มีมากถึง 84 เสียง นั่นแหละ การแก้ไขหรือยกร่างใหม่ทั้งฉบับจึงมีโอกาสแห่งความเป็นไปได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image