เหตุผลที่ต้องเป็น “รัฐธรรมนูญปราบโกง” โดย เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

 

นัยว่า (ร่าง) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช….. ได้ชื่อว่า “ฉบับปราบโกง” ด้วยเหตุผลบางประการที่สรุปจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ว่า

การทำร่างรัฐธรรมนูญเราจะมองภาพรวมในอดีตว่าเกิดปัญหาอะไร บ้านเมืองจึงวุ่นวาย ซึ่งเราได้เหตุผลมา 3 ข้อ คือ

ข้อ 1 คนของเราขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ขาดวินัย

ข้อ 2 คือ การบังคับใช้กฎหมายขาดความเข้มงวดกวดขัน คุณธรรมการทำงานขาดสิ้นเชิง

ADVERTISMENT

ข้อ 3 ผลมาจากข้อ 2 เป็นเหตุให้มีการทุจริตเพิ่มขึ้น อีกไม่เกิน 10 ปี ประเทศไทยคงหมดตัว

จากเหตุผลทั้ง 3 ข้อจึงทำให้เกิดร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีหลายประการอันเป็นเหตุให้หากนักการเมืองกระทำผิดจากการทุจริต โดยเฉพาะทุจริตจากการเลือกตั้ง และการทุจริตจากงบประมาณแผ่นดิน มีบทกำหนดโทษทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้สิ้นสมาชิกภาพ ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และต้องชดใช้

ตามเหตุผลข้อ 1 ที่ว่าคนของเรา หมายถึงคนไทยทั้งปวงขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ขาดวินัย

ความข้อนี้มีสาเหตุจากอะไรบ้าง เชื่อว่าทุกคนคงทราบดี

ปัจจัยแรกคือ มาจากระบบครอบครัว ที่การเป็นครอบครัวของคนไทยส่วนหนึ่งเกิดขึ้นง่ายดาย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมมนุษย์ เมื่อเกิดและเจริญเติบโตขึ้นมา รัฐต้องดำเนินการหลายประการเพื่อให้ผู้ที่เกิดมาในประเทศนั้นเป็นบุคคลที่เรียกว่า “พลเมืองดี” ของประเทศ

ประการแรกคือการให้บริการการสาธารณสุขที่ถูกต้อง ตั้งแต่ให้ความรู้ของชายหญิงที่จะสมรสอยู่กินด้วยกัน การดูแลอนามัยของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ดูแลอนามัยของทารกที่จะเกิดขึ้นมา กระทั่งคลอดออกมาเป็นทารก นับแต่วินาทีเป็นทารกตั้งแต่นั้นมา กระทั่งเติบใหญ่ การเลี้ยงดูของพ่อแม่และครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ

ประการต่อมา คือให้การศึกษาตั้งแต่เด็กเล็ก ปฐมวัยศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ที่สุดคืออุดมศึกษา ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษา

ผู้ที่มีส่วนสำคัญที่สุดในระบบการศึกษา คือ “ครู” ที่ต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งวิชาความรู้ ทั้งการเรียนการสอน และที่สุดคือ สวัสดิการครู ต้องเป็นผู้ที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ทัดเทียมกับอาชีพอื่น ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ อัยการ ผู้พิพากษา เพราะครูคือผู้ที่สร้างคนให้เจริญเติบโตเป็นพลเมืองดีของชาติที่มีความรับผิดชอบและมีวินัย หรือแม้แต่จะออกไปประกอบอาชีพการงานโดยส่วนตัว จะเป็นผู้ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว และเห็นแก่ประโยชน์ชาติ มากกว่าประโยชน์ของครอบครัว

ประการที่สองเห็นด้วยอย่างยิ่งที่การบังคับใช้กฎหมายของบ้านเราไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งจะกล่าวโทษใครไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะผู้มีอำนาจราชศักดิ์ทั้งหลายต่างเป็นอภิชนด้วยกันทั้งสิ้น

แม้แต่เรื่องเข้าโรงเรียน ต้องมีผู้รู้จัก ใช้ระบบอุปถัมภ์มาตั้งแต่แรกเกิดกระทั่งตาย หากไม่มี

ผู้รู้จักในที่นั้น ความยุ่งยากจะเกิดขึ้นทันที แต่หากมีผู้ที่รู้จักแม้เพียงผิวเผิน ความสะดวกจะเกิดขึ้นทันทีเช่นกัน ทั้งไม่เพียงแต่การมีบุญคุณอุปถัมภ์กันเท่านั้น “เงิน” ยังมีบทบาทเป็นผู้อุปถัมภ์ที่สำคัญอีกด้วย

“เงิน” จึงเป็นพระเจ้า บันดาลให้เรามีสุขได้ ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายจึงเป็นสองมาตรฐาน สามมาตรฐานทันที ไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น ยิ่งผู้กระทำความผิด แม้เพียงกฎหมายระดับล่างสุด คือกฎหมายจราจรยังมีผู้ที่ฝ่าฝืนเป็นนิตย์ ไม่เป็นบุคคลสำคัญ ก็เป็นเรื่องของ “เงิน” เข้ามาเกี่ยวข้อง

ใช่แล้วครับ เพราะผลจากข้อ 2 เป็นเหตุให้มีการทุจริตเพิ่มขึ้น และยิ่งเพิ่มมากขึ้น ตราบเท่าที่ผู้คนยังเห็นแก่ประโยชน์ตน และกฎหมายเป็นเพียงเศษกระดาษ ไม่สามารถบังคับได้จริงจัง ตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับบน

หากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมือง รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมาย รับผิดชอบสร้างคนไทยให้เป็นผู้รู้จักหน้าที่ มีวินัยในทุกเรื่อง และยอมรับการบังคับใช้กฎหมายที่อำนวยความยุติธรรม วันนี้ รัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ใช้เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศได้ เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญของหลายประเทศที่เป็นประชาธิปไตย