อเมริกันผูกปิ่นโตเถาเดิม : โดย ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

อเมริกันผูกปิ่นโตเถาเดิม : โดย ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

อเมริกันผูกปิ่นโตเถาเดิม

ในการออกเสียงลงคะแนนขั้นต้น (Primary Vote) เพื่อเลือกตัวแทนสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันที่รัฐไอโอวา และนิวแฮมป์เชอร์ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น คาดว่า คงมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นตัวแทนของพรรครีพับลีกัน

ส่วนพรรคเดโมแครต โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก็ได้เริ่มออกหาเสียง เพื่อป้องกันตำแหน่ง

จึงอนุมานได้ว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปีนี้ น่าจะเป็นการแข่งขันระหว่าง “2 ลุง” คือละครชุดเก่า

Advertisement

ตั้งแต่การเสนอชื่อภายในพรรค ทรัมป์มาแรงเยี่ยงสายรุ้ง เป็นเหตุให้คู่แข่งทยอยถอนตัว เหลือเพียง “นิกกี เฮลีย์” อดีตเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ ยังไม่ถอน แต่เชื่อว่าคงต้องถอน เพราะเป็นรองทรัมป์มาก

มีข่าวว่า คณะกรรมการพรรครีพับลีกันอาจมีปฏิบัติการแบบขัดต่อประเพณี โดยการประกาศล่วงหน้าให้โดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้ชนะในขั้น Primary Vote ถ้าเป็นจริง ทรัมป์ก็จะกลายเป็นดาวเด่นดวงแรกในประวัติศาสตร์ของพรรครีพับลิกัน คือได้รับการประกาศชื่อเป็นตัวแทนพรรคก่อนวัน Super Tuesday เสียงสนับสนุนทรัมป์ในพรรคอย่างล้นหลาม เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ผู้สืบทอดอำนาจในพรรคขาดแคลน ระบอบประชานิยมเฟื่องฟูธำรงไว้ซึ่งฐานรากในพรรคมาแรงจนฝ่ายอนุรักษนิยมต้านไม่อยู่ อีกประการหนึ่ง จากการวิเคราะห์ สถานะในพรรคของทรัมป์ยังอยู่เหนือกว่าปี 2016 ที่ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทรัมป์ได้รับการสนับสนุนจากคนรุ่นหนุ่มสาวเหนือยิ่งกว่าไบเดน จากการสำรวจประชามติของนิวยอร์กไทม์สเมื่อเดือนธันวาคม 2023 ปรากฏว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนระหว่าง 18-29 ทรัมป์นำหน้าไบเดน 6 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่การเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน ไบเดนนำหน้า 24 เปอร์เซ็นต์ กรณีน่าจะเกิดจากไบเดนชราภาพ กอปรกับคนรุ่นหนุ่มไม่พอใจที่ไบเดนเข้าข้างอิสราเอล อันเกี่ยวกับกรณีสงครามฮามาส

Advertisement

แม้โดนัลด์ ทรัมป์มีคดีติดตัวมากมาย แต่เขาอุปโลกน์ตนเองคือ “เหยื่อทางการเมือง” ของพรรคเดโมแครต ได้รับความสำเร็จระดับหนึ่ง ดังนั้น ทุกครั้งที่ถูกฟ้องคดี คะแนนสนับสนุนจึงสูงขึ้นตามลำดับ อุปมาเหมือนกับ “ลูกจันทน์หอมยิ่งทุบก็ยิ่งหอม” การได้เปรียบของทรัมป์เกิดจากความแตกแยกของสังคมและพรรคการเมือง

หากทรัมป์ได้รับเลือกในเดือนพฤศจิกายน จะถือเป็นคนแรกที่เว้นวรรค 1 สมัย และได้รับเลือกเข้ามาใหม่ในรอบ 132 ปีของประวัติศาสตร์อเมริกา ท่ามกลางกระแสที่ทรัมป์จะกลับมาอีกวาระหนึ่ง เป็นประเด็นที่บรรดาพันธมิตรสหรัฐเกิดความกังวล กังวลเพราะ “ลัทธิทรัมป์” ก็คือ “America First”

สังคมกังวลว่า หากทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวอีกวาระหนึ่ง ความสัมพันธ์สหรัฐและยุโรปก็จะไร้เสถียรภาพ นายกรัฐมนตรีเบลเยียมเตือนว่า ยุโรปต้องเตรียมพร้อมเพื่อช่วยเหลือตัวเอง ในขณะที่ประธานธนาคารกลางยุโรปชี้ว่า เป็นการคุกคามเสถียรภาพยุโรป

การเมืองคือศิลปะที่เป็นไปได้ การเลือกตั้งยังเหลือเวลาอีก 10 เดือน เหตุการณ์คงเปลี่ยนแปลงไปตามกาล

หากมองผ่านประวัติศาสตร์เมื่อ 4 ปีก่อน ผลการตัดสินขั้นสุดท้ายอยู่ที่ผู้มีสิทธิที่อยู่ตรงกลาง อีกประการหนึ่ง

ทรัมป์ยังมีคดีติดตัวมากมาย เป็นการทำลาย “ลักษณ์” ของตน ล้วนเป็นเรื่องที่มองข้ามมิได้ เพราะผู้มีสิทธิที่ไอโอวาส่วนหนึ่งกล่าวว่า ถ้าศาลวินิจฉัยว่าความผิดสำเร็จ ก็จะไม่ลงคะแนนให้

แม้การสำรวจประชามติ ไบเดนยังตกเป็นรอง แต่เขายังเปี่ยมด้วยทรัพยากรการบริหาร คาดว่าคณะเลือกตั้งสามารถระดมทุนในการหาเสียงทางโทรทัศน์เป็นเงินสูงถึง 300 ล้านดอลลาร์ และถ้าไบเดนสามารถเบี่ยงเบนประเด็นหาเสียงให้เป็นเรื่องสิทธิการทำแท้งและประชาธิปไตย น่าจะเป็นการเรียกแขกที่ดี และอาจพลิกสถานการณ์จากรองให้เป็นต่อได้ การที่จะกล่าวว่าทรัมป์จะกลับทำเนียบขาวอีกวาระหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป

ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยคือ นโยบายต่างประเทศของทรัมป์กับไบเดนมีความต่าง คือสมัยทรัมป์เคยขู่จะถอนตัวจาก “NATO” และกล่าวว่าถ้าเกิดสงครามจะไม่ยื่นมือเข้าช่วย ครั้นเมื่อไบเดนขึ้นดำรงตำแหน่ง แม้ให้ความสนใจการเจริญไมตรีกับพันธมิตร แต่เมื่อเกี่ยวกับผลประโยชน์ ก็คือ America First ไม่แปรเปลี่ยน แม้ทรัมป์ตัดสินใจยกเลิกการสู้รบ แต่เป็นคำสั่งของไบเดนให้ถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน ส่วนประเด็นเข้าข้างอิสราเอลไม่แตกต่างกัน สำหรับนโยบายที่มีต่อจีน ทรัมป์เป็นผู้ประกาศสงครามการค้ากับจีน ครั้นเมื่อพ้นจากตำแหน่ง การขาดดุลการค้าของสหรัฐสูงเป็นประวัติกาล แต่ไบเดนอยู่ในตำแหน่งเพียง 3 ปี จีนจากประเทศที่นำเข้าสินค้าสหรัฐอันดับ 1 กลายเป็นอันดับ 3 ล้วนเป็นเหตุที่เกิดจากปัญหาห่วงโซ่

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปีนี้ ถ้าคู่แข่งคือ “โดนัลด์ ทรัมป์” กับ “โจ ไบเดน” จริง ไม่ว่าผู้ใดจะได้รับเลือก ก็คือ “ลุง” ที่มิได้รับความนิยม จึงเป็นเหตุให้อเมริกันชนส่วนใหญ่เกิดความเบื่อหน่าย เพราะละม้ายกับการถูกบังคับให้ “ผูกปิ่นโตเถาเดิม” นั่นเอง

ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image