พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : วีรชน หาญกล้า เบื้องหน้า กระทะ‘ร้อน’ เปล่ง สัจธรรม

พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : วีรชน หาญกล้า เบื้องหน้า กระทะ‘ร้อน’ เปล่ง สัจธรรม

ภาพการณ์ไม่เพียงแต่ดำเนินไปตาม “แผน” อันจางเหลียงกำหนดและคาดหมายเอาไว้อย่างครบถ้วน

หากแต่ 1 สร้าง “รอยแผล” ให้เกิดขึ้น

ไม่ว่าจะมองในทาง “ความคิด” ระหว่างพระเจ้าฌ้อปาอ๋องกับเหล่าเสนาอำมาตย์

Advertisement

ไม่ว่าจะมองผ่านบทบาทของ “หานซิ่น”

ต้องยอมรับว่า ทั้งข้อเสนอของฟางเจิง ทั้งความเห็นของฮั่นเสง ที่มีต่อพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ล้วนได้รับการเปิดเผย

โดยมีชื่อของ “หานซิ่น” แทรกเคล้าอยู่ด้วย

Advertisement

เบื้องหน้าการคุมตัวฮั่นเสงเพื่อรอการโยนลงไปในกระทะน้ำมันอันตั้งรออยู่นั้นจางเหลียงก็ปลอมตัวเป็นชาวเมืองเสียนหยางเข้ามาเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด

ทุกภาพล้วนระทึกในดวงหทัยยิ่ง

ฮั่นเสงจึงร้องประกาศแก่คนทั้งปวงว่า “เราจะตายครั้งนี้ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะยกไปตีเมืองเผิงเฉิง (เพราะ) หลงเชื่อคำคนคิดอุบายสอนเด็กให้ร้องเล่นเป็นปริศนาว่าเทพยดาสอน

เราจึงทัดทานว่า มิใช่คำเทพยดาบอกเหตุ

เสียดายเมืองเสียนหยางเป็นเมืองหลวง เราจึงทูลห้ามฌ้อปาอ๋องแต่ฌ้อปาอ๋องไม่ฟังกลับพาลหาผิด

โทษเราครั้งนี้มิได้เป็นขบถต่อแผ่นดิน

เมื่อสั่งให้จับเราประหารชีวิตเราก็จะก้มหน้าก้มตาตายด้วยความกตัญญู ท่านทั้งหลาย จะอยู่ภายหลังรักษาตัวให้จงดี ไม่ทันถึงหนึ่งร้อยวันฮั่นอ๋องก็จะยกมาตีกวนจง

คนทั้งปวงจะได้เห็นว่า “วานรได้เครื่องยศ”

ได้ยินคำฮั่นเสงดังนั้นหานซิ่นจึงว่า “ฮั่นเสง ท่านควรพูดแต่พออัชฌาสัย เพราะเราอยู่ตรงนี้เราจะได้ความผิดด้วย”

ฮั่นเสงจึงร้องประกาศแก่เทพยดาและนางพระธรณีว่า

“ข้าพเจ้าซื่อตรงต่อแผ่นดินหาสมควรที่จะตายไม่ ขอให้เทพยดา เจ้าศักดิ์สิทธิ์เป็นทิพญาณ”

สภาพการณ์ที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งก็คือ

กระบวนการในการลงโทษฮั่นเสงครั้งนี้กระทบและเข้าไปอยู่ในความสนใจของหานซิ่นโดยตรง

เป็นการกระทบทาง “ความคิด” เป็นการกระทบทาง “การเมือง”

หานซิ่นจึงว่ากับฮั่นเสง “ท่านทูลทัดทานว่ากล่าวไม่ให้ฌ้อปาอ๋องไปอยู่เมืองเฉินเผิงนั้น แต่บรรดาคนทั้งปวงเห็นว่าท่านไม่สมควรที่จะตาย แต่เราผู้เดียวเห็นว่า ท่านผิด โทษถึงตาย”

บทสรุปอันรวบรัดทะลุกลางปล้องนี้ของหานซิ่นสร้างความประหลาดใจแก่ฮั่นเสงเป็นอย่างมากจึงถามขึ้นว่า

“โทษของเรามีอย่างไร ท่านจึงว่าเป็นโทษที่ถึงตาย”

หานซิ่นจึงว่า “ท่านเป็นถึงจอกันหงี ไต้หู ขุนนางผู้ใหญ่ ไยไม่คิดให้รอบคอบ เมื่อครั้งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเป็นทัพหน้าฆ่าซองงีแล้วขึ้นเป็นแม่ทัพเสีย

เหมือนมาครั้งนี้ก็จับคนซึ่งมาเข้า (ตามคำ) เกลี้ยกล่อมฆ่าเสียถึงยี่สิบหมื่น แล้วฆ่าไพร่บ้านพลเมืองเสียเป็นอันมาก ราษฎรได้รับความเดือดร้อน หนีเข้าป่าดง แล้วฆ่าจื่ออิง ขุดศพจิ๋นซีฮ่องเต้ เผาตำหนักอาฝางจง กับให้ถอดเจ้าเมืองเสียสิ้น เหตุใดท่านจึงไม่ห้าม

บัดนี้ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็ได้สมบัติ เป็นเจ้าแผ่นดิน ซึ่งท่านทูลทัดทานเหมือนหาความตายใส่ตัว

ฟานเจิงดีกว่าท่านยังห้ามไม่ได้

ท่านอย่าถือว่าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทำผิด ชอบแต่จะโกรธคนที่เผาป่าไม้ให้ล้มทับทาง กับซึ่งสอนเด็กนั้นให้ทำจะดีกว่า ท่านจะใคร่รู้จักด้วยหรือเราจะชี้ให้ดู

อยู่ในวงเหล่านี้ แม้นจับตัวไว้ก็จะได้รู้เนื้อความ”

คำของหานซิ่นทะลวงเข้าไปถึงความเป็นจริงอันพระเจ้าฌ้อปาอ๋องมีส่วนโดยตรงและล้วนอยู่ในความรับรู้ของฮั่นเสง

ยิ่งกว่านั้นที่ “แหลมคม” เป็นอย่างสูงก็คือ ท่อนท้ายแห่งคำอันยาวเหยียด

สะท้อนให้เห็นว่าหานซิ่นไม่เพียงแต่รับรู้ข้อเสนอของฟานเจิง ตระหนักรู้ในบทบาทของฟานเจิง

หากแต่ยังรู้ถึง “เบื้องหลัง” แห่งบทเพลง “ปริศนา”

ปฏิบัติการ IO ในความรับผิดชอบตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนความของจางเหลียงจึงแทบมิได้เป็นความลับ

ไม่ว่า “ปริศนา” ทั้งหมดมิได้มาจาก “เทพยดา”

ไม่ว่าจะเป็นการระบุความนัยลงไปถึงขนาด “ชอบแต่จะโกรธคนที่เผาป่าไม้ให้ล้มทับทาง”

ชอบแต่จะโกรธกับคน “ซึ่งสอนเด็กให้ทำเพลง”

ด้านหนึ่ง หานซิ่นชี้นิ้วกล่าวโทษฮั่นเสง ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง ก็แก้ต่างว่ามิได้เป็นความผิดของพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง

ทั้งยังยืนยันด้วยความมั่นใจยิ่งว่า

“ท่านจะใคร่รู้จักตัว หรือเราจะชี้ให้ดู (เพราะคนผู้นั้น) อยู่ในวงเหล่านี้ แม้นจับตัวไว้ก็จะได้รู้เนื้อความ”

ความนัยนี้ “ลึกซึ้ง” ความลึกซึ้งนี้ “ร้ายกาจ”

มีความจำเป็นต้องโฟกัสไปยังแต่ละจังหวะก้าวของจางเหลียง ณ เบื้องหน้าคำประกาศของหานซิ่น

ยุทธนิยาย “ไซ่ฮั่น” ระบุว่า

เมื่อจางเหลียงได้ยินคำหานซิ่นว่าดังนั้นก็ตกใจ หนีไปซ่อนตัวอยู่ในร้าน นี่ย่อมเป็นสำเหนียกอันเปี่ยมด้วยความหวาดระแวง

เนื่องจากผ่านความเป็นความตายมาแล้ว

การหลบนี้จึงมีหนทางเฉพาะหน้าที่จำเป็น อย่างน้อยที่สุดก็ออกไปจากพื้นที่ในความรับผิดชอบของหานซิ่น

ไม่ว่าบทบาทของหานซิ่น ไม่ว่าบทบาทของจางเหลียง ล้วนเร้าใจ

เป็นความเร้าใจโดยที่หานซิ่นบัญชาให้ตัดศีรษะฮั่นเสงแล้วทอดลงในกระทะน้ำมัน

พอเวลาเย็นก็กลับถึงบ้าน

รุ่งเช้า หานซิ่นก็เข้าเฝ้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทูลความว่าด้วยการฆ่าฮั่นเสงให้ทรงทราบทุกประการ

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็มิได้ตรัสหานซิ่นประการใด

ยุทธนิยาย “ไซ่ฮั่น” ฉบับวังหลังสรุปสถานการณ์ต่อจากนี้อย่างรวบรัดว่า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ไม่มีผู้ใด “กล้า” ที่จะทูลทัดทานต่อพระเจ้าฌ้อปาอ๋องอีกเลย

กล่าวสำหรับจางเหลียงในค่ำวันเดียวกันได้สะกดรอยตามหานซิ่นจนถึงบ้าน เพราะรู้สึกสงสัยในใจ

และติดใจในตัวหานซิ่นเป็นอย่างยิ่ง

สงสัยเพราะตระหนักรู้ในบทบาทและความสำคัญ ติดใจเพราะตระหนักรู้ว่าหานซิ่นแจ้งในความนัย

ไม่เพียงแต่ 1 รู้ในเรื่อง “เผาป่าให้ล้มทับทาง”

หากแต่อีก 1 ยังรู้ด้วยว่า “คนคนเดียวกันนี้สอนเด็กให้ทำเพลง กระทั่งนำความตายมาให้แก่ฮั่นเสง”

แม้หานซิ่นจะเสมอเป็นเพียง “คนถือทวน”

บทบาทและการสำแดงออก ณ เบื้องหน้าฮั่นเสงก่อนประหารสะท้อนให้เห็นว่าเป็นคนถือที่ไม่ธรรมดา

นี่ย่อมยั่วเร้า เย้าใจอย่างยิ่งยวด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image