คนตกสีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง : Passion ทำร้ายใคร, ใครทำร้าย Passion

เรื่องมันเกิดเมื่อใครคนหนึ่งโยนข้อความท้าทายการถกเถียงออกมากลางวงว่า “นิตยสาร A XXX ทำร้ายคนมานักต่อนัก เพราะออกไปทำตามความฝัน ตาม Passion อยากเท่ จนหายนะกันหมด”

ผลตามมาก็ไม่ต้องสงสัยผู้ขว้างปาประโยคที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นการเหมารวมแบบตรรกะวิบัติอันตื้นเขินนี้ก็โดนทัวร์ลงกันไปแบบยับๆ พร้อมกับการย้อนรำลึกของผู้คนที่เกิดทัน ให้ออกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและได้รับอิทธิพลจากนิตยสารหรือ “สำนักคิด” A XXX ก็ออกมารำลึกความหลังและอิทธิพลต่อชีวิตของตัวเองในตอนนี้ ในที่สุดจากเรื่องร้อนก็คลี่คลายเป็นเรื่องอุ่นๆ ไป ก่อนจะหายลับไปพร้อมกับเรื่องอื่นที่ใหญ่โตและสะเทือนต่อความรู้สึกของสังคมยิ่งกว่า

นิตยสาร A XXX ที่ว่านี้ คือนิตยสารที่เคยเป็นนิตยสาร “ทางเลือก” เมื่อราว 20 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งมีกำเนิดจากบรรณาธิการคนดังในวงการท่านหนึ่งออกมาเริ่มต้นทำนิตยสารอย่างที่เขาคิดว่ามันควรจะมี ด้วยการเปิดขายหุ้นกับมิตรสหายในวงการนักเขียน สื่อมวลชน และคนทำสื่อ ระดมทุนจนก่อตั้งนิตยสารดังกล่าวขึ้นมาจนสำเร็จ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งในช่วงยุคปี ค.ศ.2000-2010 ที่สร้างกลุ่มนักคิด นักเขียน คอลัมนิสต์ และคนทำสื่อที่อาจจะเรียกว่ามาจาก “สำนักคิด” หรือ (School) A XXX ส่งผลต่อยอดมาจนปัจจุบัน โดยสื่อออนไลน์เจ้าใหญ่ที่สุดของวงการในตอนนี้ ก็เติบโตหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นทายาทของนิตยสารดังกล่าว

คือบอกตามตรงว่า จริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้อง “เซ็นเซอร์” หรือปกปิดชื่อนิตยสารที่ว่าก็ได้ แต่ที่เลือกทำเช่นนี้ ก็เพื่อไม่อยากให้มุ่งเน้นเพ่งเล็งเอากับตัวสื่อหรือแนวคิดนั้นมากไปกว่าประเด็นที่อยากชวนขบคิดกัน คือ การตามหา “ความฝัน” และ “Passion” นั้นก่อหายนะให้แก่ชีวิตของใครคนใดคนหนึ่งได้จริงหรือไม่ และถ้าได้ เป็นไปได้อย่างไร

Advertisement

“ความฝัน” ในที่นี้หมายถึงจินตนาการที่ผู้มี “ความฝัน” นั้นมีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นสังคม คนรอบข้าง หรือตัวเอง ด้วยความคาดหวังว่าสักวันหนึ่งสิ่งนั้นหรือเรื่องนั้นจะเกิดขึ้นจริง ส่วน “Passion” นั้นถ้าเปิดพจนานุกรมเทียบภาษาไทยอังกฤษแบบดื้อๆ ก็จะได้คำกลุ่มหนึ่งคือ กิเลส ตัณหา อารมณ์ หรือความหลงใหล

สังเกตว่า คำที่ให้ความหมายถึง Passion ในภาษาไทยนั้นมักจะเป็นคำที่มีความหมายในทางลบ ทั้งๆ ที่โดยอารมณ์ของคำในภาษาอังกฤษต้นฉบับนั้น คำคำนี้เป็นคำที่ออกจะเป็นกลางค่อนไปในทางบวกมากกว่า

ในทางจิตวิทยาว่าด้วยการพัฒนาตัวเองนั้น Passion ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากต่อการประสบความสำเร็จ ตามแนวคิด GRIT ของ Angela Lee Duckworth นั้นเสนอค้นพบว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและการทำงานนั้นไม่ได้มีส่วนจากข้อได้เปรียบทางสติปัญญาหรือ IQ และพรสวรรค์ใดๆ ที่มาแต่โดยกำเนิด ไปกว่าความมานะพยายามอันสม่ำเสมอ หรือ Perseverance และความหลงใหลอย่างแท้จริงในสิ่งหรืองานที่ทำนั้น ซึ่งอันหลังนี้ก็คือ Passion นั่นเอง

Advertisement

อันที่จริง GRIT นี้ก็ตรงกับคุณธรรมอันเครื่องพาให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ประสงค์ในทางพุทธศาสนาคือ “อิทธิบาทสี่” ที่ประกอบไปด้วย “ฉันทะ” คือความชอบในสิ่งที่ทำ ซึ่งตรงกับ Passion และ “วิริยะ” คือความพากเพียรในสิ่งนั้น และ “จิตตะ” คือความเอาใจใส่ฝักใฝ่ ซึ่งคุณธรรมสองประการหลังนี้อาจเทียบได้กับ Perseverance นี่เอง ส่วน “วิมังสา” คือการสอดส่องในผลแห่งความสำเร็จของสิ่งนั้น เพื่อพัฒนาและปรับปรุงต่อไป ซึ่งอันนี้อาจจะเอาไปเทียบกับการทำงานแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า Kaizen ที่หมายถึงการสังเกตเพื่อปรับปรุงและพัฒนาไปทีละน้อยก็ได้

ดังนั้น การมี Passion จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องผิด หรือการออกไปตามหา Passion ก็ไม่น่าจะทำร้ายใครได้มิใช่หรือ?

มีผู้สังเกตว่ากระแสการออกไปตามหา Passion มักจะเกิดขึ้น เมื่อสังคมนั้นมีบรรยากาศแห่งความหวัง บรรยากาศที่เอื้อให้ผู้คนเชื่อว่ามี “โอกาส” ที่หากลงแรงกำลังตลอดจนเวลาและโอกาสในชีวิตไปกับสิ่งที่รัก ที่ชอบ ที่เชื่อ หรือมี Passion แล้ว จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในด้านการประกอบอาชีพและรายได้เพื่อนำมาดำรงชีวิตได้อย่างสบายเพื่อหล่อเลี้ยง Passion นั้นต่อไป และ Passion หรือ “ฉันทะ” ที่ได้รับการหล่อเลี้ยงเติมเต็มนั้นก็จะเป็นพลังให้กับ Perseverance คือ “วิริยะ” หรือ “จิตตะ” นั้นต่อไป ส่งผลให้งานหรือผลิตผลอันเต็มไปด้วย Passion ประสบความสำเร็จไปอีก กลายเป็นเหมือนเครื่องยนต์พลังอนันต์ที่ส่งพลังซึ่งกันและกัน

เช่นคนชอบทำขนมที่มี Passion ในการทำขนมนั้นแล้วมีคนมากินแล้วชื่นชมว่าอร่อย เมื่อถึงจุดที่เขาหรือเธอตัดสินใจที่จะไปใช้ชีวิตหรือประกอบอาชีพตามความหลงใหลหรือ Passion ก็อาจจะไปเปิดร้านขายขนม ด้วยการทำงานแบบมี Perseverance ขนมที่ทำโดยคนที่มีความหลงใหลและตั้งใจจริง ก็มีแนวโน้มที่จะออกมาเป็นของชั้นดีที่ใครๆ ก็ยินดีจ่ายให้ เมื่อขายได้ขายดีจนมีเงินเลี้ยงชีพให้สุขสบายได้ ความสำเร็จก็จะกลับมาหล่อเลี้ยงความหลงใหลหรือฉันทะนั้นให้ไปประกอบกับวิริยะและจิตตะต่อไปอย่างไม่มีวันหมดสิ้น

ถ้าเฉพาะเท่านี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหายหากเราจะมีความหลงใหลหรือ Passion แล้วออกไปตามหามันมิใช่หรือ

หากความสำเร็จในโลกของความเป็นจริงนั้น มันไม่ได้ประกอบไปด้วยปัจจัยภายในของเรา ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดเรื่อง GRIT หรืออิทธิบาทสี่ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมสูงแล้ว “ราคา” ที่จะต้องจ่ายลงไปในความวิริยะและจิตตะเพื่อให้ “ประสบความสำเร็จ” นั้นอาจจะสูงและไม่ตรงไปตรงมาแบบทำมากได้มากทำน้อยได้น้อยเสียทีเดียว

ความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมนั้น อาจจะทำให้คนที่มี Passion ในการทำขนมหรืออาหาร โดยใส่ความพยายามมุ่งมั่นไปอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเจอสภาพตลาดที่ไม่เป็นธรรม เช่น ไม่อาจหาทำเลที่ตั้งร้านที่เหมาะสมได้เนื่องจากค่าเช่าหรือราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่สมเหตุสมผลเพราะถูกกำหนดด้วยทุนในกติกาแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา ก็อาจจะไม่มีลูกค้าได้มีโอกาสซื้อหรือสัมผัสกับขนมหรืออาหารที่ทำโดยเปี่ยมไปด้วย Passion นั้นได้ เมื่อแก้ปัญหาด้วยการขายแบบส่งถึงบ้านผ่านระบบออนไลน์ ก็พบว่าต้องเสียค่าธรรมเนียมให้แก่แพลตฟอร์มออนไลน์นั้นจนเกือบไม่เหลือกำไร หรือถ้าจะให้ได้กำไรพอเลี้ยงตัวก็ต้องตั้งราคาสูงจนไม่มีใครกล้าเสี่ยงสั่งขนมจากร้านที่ยังไม่มีชื่อเสียงแต่ขายในราคาสูงขนาดนั้น

ยังไม่ต้องกล่าวถึงหากผู้มี Passion นั้น สามารถคิดหรือสร้างสูตรอาหารหรือขนมที่เป็นนวัตกรรมได้ ก็อาจจะถูกทุนยักษ์ใหญ่มาลอกไปทำขายในระบบอุตสาหกรรมที่ทำราคาได้ถูกกว่า และกระจายสินค้าไปได้ทั่วประเทศด้วยอำนาจแห่งทุนก็มีกรณีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่

เช่นเดียวกับคนที่อาจจะมี Passion ในการทำหนังที่อาจจะทำหนังนอกกระแสที่ดีและสนุก แต่ก็ไม่อาจหาโรงหรือรอบฉายที่สมเหตุสมผลที่จะให้มีผู้ชมมาลองชมได้

แม้กระทั่งต่อให้ผู้ที่ก่อตั้งนิตยสาร A XXX เองหากต้องมาเริ่มต้นทำนิตยสาร (หรืออนุโลมว่าเป็นสื่อออนไลน์ก็ได้) ในยุคสมัยนี้แล้ว ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าเขาจะประสบความสำเร็จเท่าที่ได้ในอดีต หรือแม้แต่อดีตอันใกล้อย่าง 5 ปีที่แล้วได้หรือไม่ ในสภาวะที่สื่อและสังคมออนไลน์เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ที่ใครจะฉกฉวยเอาข่าว งานเขียน ภาพ คลิป หรือผลผลิตอันเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากความหลงใหลและความพยายามของผู้สร้างสรรค์ไปหาประโยชน์ราวกับเป็นสิ่งที่ตักตวงมาใช้ประโยชน์แบบได้เปล่า แถมบางครั้งพบว่าน่าเจ็บใจเข้าไปอีกเมื่อสื่อที่ลักลอกไปกลับมีผู้เข้าชมและรายได้มากกว่าต้นฉบับผู้สร้างสรรค์

ผู้มี Passion ที่หลงใหลอย่างถึงที่สุดบางคนก็อาจจะต้องพยายามหนักขึ้นเพื่อเอาชนะอุปสรรคอันไม่เป็นธรรมในสังคมอันเหลื่อมล้ำไร้กติกา โดยอาจจะใช้การทำงานอย่างหนักและมีแบบแผน หรือความสามารถในการพลิกแพลงจนสามารถเอาชนะอุปสรรคหรือความเหลื่อมล้ำนั้นได้ แต่ก็มีคนจำนวนมากกว่านั้นที่ใส่ความพยายามลงไปขนาดนั้นแล้วก็ยังเป็นผู้แพ้ หรือแม้แต่หมดความพยายามลงไปก่อนด้วยข้อจำกัดอันหลากหลายที่จะชี้ว่าเป็นเพราะสู้ไม่พอก็ดูจะขาดเมตตาเกินไป

คนกลุ่มหลังนี้แหละ ที่อาจจะเป็นคนกลุ่มที่เรียกว่าถูก Passion ทำร้ายจนเหมือนชีวิตถูกทำลายหายนะไป

หากใครถ่ายรูปแผงหรือชั้นหนังสือกระแสหลักที่เป็นหนังสือขายดีติดอันดับในร้านหนังสือใหญ่ๆ เมื่อสักราวปี พ.ศ.2556-2560 ก็อาจจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่ออกจะขำขื่น คือในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น หนังสือขายดีจะเป็นหนังสือในแนวที่ให้กำลังใจ สร้างความมุ่งมั่นให้ผู้คนออกไปทำในสิ่งที่อยากทำ หรือถ้าสิ่งที่ทำอยู่แล้วก็ไม่ได้ติดขัดอะไร ก็มีเทคนิคเพื่อให้การทำงานที่ทำอยู่นั้นมีผลสัมฤทธิ์ที่สุด โดยการใช้แรงกำลัง ทรัพยากรและเวลาให้น้อยหรือคุ้มค่าที่สุด เรียกว่าเป็นกระแสแห่งยุคบูชาการมีผลิตผลหรือกระแสแห่งความ Productive ไปจนถึงระดับ Super Productive รวมไปถึงหนังสือแนว “สอนรวย” ที่แนะนำการลงทุนให้เงินทองที่ได้มาจากการใช้ชีวิตตาม Passion ในวิถีแห่งความ Productive นั้นแปรเป็นรายได้งอกเงยที่ไม่ต้องลงแรง หรือ Passive Income

แต่เมื่อมาเทียบกับแผงหนังสือในร้านหรือพื้นที่เดียวกันในวันนี้ จะพบว่าเต็มไปด้วยหนังสือแนวปลอบประโลมใจว่า เราอาจจะไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จก็ยังมีความสุขได้ หนังสือแนวเพียงเท่านี้ก็เก่งมากแล้ว ดีพอแล้ว หนังสือแนวโอบกอดตัวเองและใช้ชีวิตให้มีความหมายโดยการไม่พยายามไปทำอะไรที่กินแรงกำลังกายกำลังใจเกินไปอย่างไร้ประโยชน์ หรือแม้แต่หนังสือแนว “ขี้เกียจบ้างก็ได้-ยอมแพ้บ้างก็ดี-อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขบ้าง” ที่เริ่มเข้ามาแทรกเบียดหนังสือแนวตามหาความฝันอันทะเยอทะยานและทำงานอย่างมุ่งประสิทธิผลจนตกอันดับไป

การตามหาความฝันหรือ Passion จึงไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำร้ายใคร แต่การทำเช่นนั้นในสภาวะสังคมที่เหลื่อมล้ำไร้กติกามารยาทที่ยอมรับได้ต่างหากที่ทำให้ผู้มี Passion ที่ในที่สุดแล้วแพ้ในเกมนั้นต้องเจ็บปวดหายนะ

แต่กระนั้น จะให้ละทิ้งความหวัง ความฝัน ความหลงใหลไปเสียเลย แล้วเพียงใช้ชีวิตแบบทำงานเลี้ยงชีพเท่าที่เป็นไปได้ตามความเป็นจริง โดยละเลยความปรารถนาทั้งปวงก็เป็นเรื่องที่แห้งแล้งโหดร้ายจนเกินไปเหมือนกัน ทั้งก็ต้องไม่ปฏิเสธความจริงอีกประการด้วยว่า ในประเทศและสังคมอันเหลื่อมล้ำไร้กติกาที่เป็นธรรม เต็มไปด้วยข้อจำกัดความฝันนานาประการ ก็ยังมีคนที่ใช้ Passion ประกอบความเพียรพยายามและความมุ่งมั่นทั้งหลาย สามารถนำความหลงใหลใฝ่ฝันนั้นเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จจนเป็นผู้ชนะได้จริงอยู่เหมือนกัน

จึงไม่ใช่เรื่องที่จะชี้โทษได้เลยว่า Passion นั้นทำให้ชีวิตใครบาดเจ็บล้มตายหายนะอะไรขนาดนั้นได้ เว้นแต่คนขี้หมั่นไส้คนหนึ่งจะโดนทัวร์ลงฉ่ำๆ ไป

กล้า สมุทวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image