ทุกวันนี้ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่กำลังเกิดขึ้น หรือจะเกิดขึ้นที่พวกเราสามารถรับรู้และมองเห็นได้ มีอยู่มากมายรอบตัว
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานของผู้คนทั่วโลก
การปฏิวัติดิจิทัล (Digital revolution) ซึ่งมีพื้นฐานมาจากแนวความคิดด้าน Digital Thinking และ Digital Economy ผสมกับความสามารถด้าน ICT ที่ทำให้เกิดยุคของ IoT (internet of things) ที่สามารถเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าหากันและทำงานร่วมกันได้ จนเข้าสู่ยุค “อุตสาหกรรม 4.0” ซึ่งเป็นยุคที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และ IoT ในกระบวนการผลิตทั้งหมด
เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันยังมีแนวโน้มขยายตัวช้า และรูปแบบการค้ามีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปสู่การค้าแบบเสรีมากขึ้น ในขณะที่มีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่หลากหลายมากขึ้น บทบาทของประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคเอเซีย และอาเซียนจะเพิ่มมากขึ้นด้วย และจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัญหาการเข้าสู่สังคมคนสูงวัยของโลก พร้อมๆ กับความต้องการแรงงานที่มีทักษะสูง และมีความสามารถเฉพาะทางจะมีมากขึ้น ในขณะที่แรงงานทักษะต่ำอาจจะตกงาน ความเหลื่อมล้ำหรือความไม่เท่าเทียมกันขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะการปฏิวัติอุตสาหกรรมสู่ “อุตสาหกรรม 4.0” ตลอดจนการเคลื่อนไหวของกระแสวัฒนธรรมโลกที่รวดเร็วขึ้นในยุคดิจิทัล
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ความร่วมมือระหว่างประเทศทางด้านนี้มีความเข้มข้นมากขึ้น
ข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทวีความเข้มข้น วาระการพัฒนาของโลกหลัง ค.ศ.2015 เป็นการกำหนดทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกในอีก 15 ปีข้างหน้า
สถานการณ์ความมั่นคงกับประเทศรอบบ้าน การเติบโตของลัทธิก่อการร้ายและวิกฤตอพยพย้ายถิ่นของผู้ลี้ภัยในยุโรปที่กำลังแผ่ขยาย การบริหารจัดการอาชญากรรมไซเบอร์และสิทธิเสรีภาพ ดังนั้น ความมั่นคงภายในและระหว่างประเทศจะมีความสำคัญต่อพัฒนาการของประเทศต่างๆ มากขึ้นทุกที
ทั้งหมดทั้งปวงนี้ คือ สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกที่มีผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมของประเทศไทยในอนาคต (ที่ทางราชการย้ำเตือน) แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เรามองข้ามไม่ได้เลย ก็คือ นโยบายของประเทศสหรัฐอเมริกาในยุคของประธานาธิบดีคนใหม่ ครับผม!