ที่มา | คอลัมน์แท็งก์ความคิด, มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ [email protected] |
เผยแพร่ |
การแสดงบัลเลต์-โอเปร่า เรื่อง “พระเนมิราช” ของ “โอเปร่าสยาม อินเตอร์เนชั่นแนล” ภายใต้การควบคุมของ สมเถา สุจริตกุล สิ้นสุดลงไปแล้ว
โอเปร่าเรื่องนี้ อาจารย์สมเถาตั้งใจสร้างขึ้นมาเทิดพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาส 100 วันเสด็จสวรรคต
เอกลักษณ์ของโอเปร่าสยามฯที่ อ.สมเถานำเสนอ คือ การขับร้องและระบำ เป็นโอเปร่าที่สร้างสรรค์ความเป็นไทยและความเป็นพุทธให้โดดเด่น
อ.สมเถาจัดทำโครงการใหญ่ ใช้ชาดกเป็นเนื้อเรื่อง แล้วเนรมิตเสียงร้องและท่าเต้นขึ้นมาใหม่ กลายเป็นโอเปร่าและบัลเลต์
ส่วนดนตรีนั้น มี นายทฤษฎี ณ พัทลุง นักประพันธ์ดนตรีและวาทยกรชั้นแนวหน้ารับหน้าที่
ก่อนหน้านี้ อ.สมเถาเคยนำบัลเลต์-โอเปร่า 4 เรื่อง คือ เตมีย์ราช มหาชนก พระภูริทัต และ สุวรรณสาม มาเสนอ
คราครั้งนี้เป็นเรื่องที่ 5 ซึ่งนำเนื้อหาของทศชาติที่ 4 ตอนที่พระพุทธเจ้าเป็น “พระเนมิราช” ออกแสดง
รายการนี้ อ.สมเถาเปิดให้ชมฟรี…ไม่มีค่าใช้จ่าย
ชาดกชาติที่ 4 นี้เน้นที่การบำเพ็ญอธิษฐานบารมี การแสดงเริ่มด้วยการอธิบายชาดก โดยเจ้าคุณธงชัย
จากนั้นองก์แรกเริ่มต้น เล่าถึงพระราชาที่เมื่อเส้นพระเจ้าหงอกเส้นแรกก็จะสละราชสมบัติให้รัชทายาท เพื่อเดินทางสู่ทางธรรม
พระราชาองค์ต่อมาจะทำทานบารมี ไปจนกว่าจะมีเส้นพระเจ้าหงอกเส้นแรก แล้วมอบราชบัลลังก์ให้รัชทายาทสืบต่อ
พระราชาเมืองนี้ตั้งอธิษฐานสืบสานการทำทานบารมีมารุ่นต่อรุ่น
ช่วงนี้บัลเลต์ได้ออกมาแสดง ทำให้ผู้ชมทราบว่ากาลเวลาได้หมุนเวียนเปลี่ยนไป
จากรุ่นสู่รุ่น สืบต่อไปถึง 84,000 รุ่น
รุ่นใดที่พระราชาขาดรัชทายาท พระเนมิราชซึ่งอยู่ในชั้นสวรรค์จะขอเจ้าแห่งสวรรค์กลับลงมาเกิด
แม้ปวงเทวดาที่เป็นศิษย์จะเหนี่ยวรั้งให้พระเนมิราชคงอยู่ในสวรรค์ แต่พระองค์ก็ขอลงไปเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อให้คำอธิษฐานที่เคยให้ไว้ดำรงอยู่ต่อไป
เมื่อเจ้าแห่งสวรรค์อนุญาต นางฟ้า 3 นาง ซึ่งเป็นเจ้าแห่งอัคคี
เจ้าแห่งปฐพี และเจ้าแห่งลม ทำหน้าที่นำพระเนมิราชไปเกิด
พระเนมิราชเกิดมาด้วยใจอันเป็นกุศล
ตอนเป็นกุมารได้ให้ทาน เติบใหญ่เป็นเจ้าชายก็ให้ทาน เมื่อถึงวันเวลาที่ขึ้นครองราชย์ก็ยังให้ทาน
ขณะที่เทวดาบนสรวงสวรรค์อยากฟังธรรมะจากพระเนมิราช อ้อนวอนให้เจ้าแห่งสวรรค์อนุญาต
วันหนึ่งในขณะที่พระเนมิราชบรรทม ทรงพระสุบินถึงเจ้าแห่งสวรรค์
คืนนั้น พระเนมิราชได้สอบถามข้อข้องใจ
พระองค์สงสัยว่า ระหว่างทานบารมีกับการบำเพ็ญอธิษฐานบารมี อะไรจะได้บุญมากกว่ากัน
เจ้าแห่งสวรรค์เฉลยว่า อธิษฐานบารมีนั้นเหนือกว่าทานบารมี
ขณะเดียวกัน เจ้าแห่งสวรรค์ได้เชิญพระเนมิราชไปบรรยายธรรมให้ปวงเทวดารับฟังบนชั้นฟ้า
พระเนมิราชรับปาก และยอมขึ้นราชรถสู่สวรรค์ ไปทั้งยังเป็นๆ นี่แหละ
การแสดงองก์ 1 จบลงเช่นนี้
การแสดงส่วนใหญ่จะเป็นบทร้อง คำร้องที่เป็นภาษาอังกฤษฟังไม่ขัดหู เสียงร้องมีความไพเราะ
แต่ถ้าถามว่าชอบใครเป็นพิเศษ ต้องตอบว่าชอบตัวละครที่เล่นเป็นเจ้าแห่งสวรรค์ เพราะคำร้องที่ได้ยินนั้น…ทรงพลัง
ขณะที่ตัวเอกอย่างพระเนมิราช เสียงจะสูงกว่าปกติ
บทร้องที่ได้ยินให้บรรยากาศเหมือนฟังเพลงในโบสถ์ฝรั่ง
มีทั้งร้องเดี่ยว ร้อง 3 คน และร้องคอรัส
ต่อมาองก์ 2 เริ่มต้น
องก์ 2 นี้เปิดฉากด้วยกลุ่มคนที่มองเห็นพระเนมิราชเดินทางบนราชรถเพื่อขึ้นสวรรค์
ทุกคนห่วงว่าพระองค์ไปแล้วไม่กลับ เมื่อพระองค์ไม่อยู่ ชาวเมืองจะอยู่กันอย่างไร
แต่พระเนมิราชเอ่ยปากให้สัญญาว่าขึ้นไปสวรรค์เพียงแค่ชั่วเวลาเดียว
เมื่อปฏิบัติภารกิจเสร็จแล้วจะกลับมา
จากนั้นพระเนมิราชได้เดินทาง ระหว่างถึงทางแยก ทางหนึ่งสู่สวรรค์ อีกทางมุ่งลงนรก
พระเนมิราชขอให้สารถีผู้ขับราชรถพาไปทัวร์นรกก่อนจะขึ้นสวรรค์
ช่วงนี้บัลเลต์ออกมาแสดงความเจ๋ง
ท่วงท่าที่แสดงทั้งแข็งแรงและอ่อนช้อย ช่วงที่บิดตัวเกลือกกลิ้งบนพื้นเวที เหมือนคนตกนรกปรากฏให้เห็นตรงหน้า
บางคนปีนเสาขึ้นไปโหนห้อย บางคนขดตัวอยู่ในหีบเล็ก
ต่อมานักแสดงอีกกลุ่มหมุนกลิ้งโยกตัวเคลื่อนไหวไปทั่วเวทีและกลุ่มผู้ชม
ใครเห็นใครชมก็รู้ว่า นี่มันบรรยากาศนรกชัดๆ
เมื่อได้ชมนาฏลีลานรกจบแล้ว พระเนมิราชก็เดินทางไปสู่สวรรค์
ฉากตอนที่พระเนมิราชเดินทางไปพบปวงเทพ น่าจะเป็นจุดไคลแมกซ์ของโอเปร่าเรื่องนี้
เสียงคอรัสที่ประสานด้วยสำเนียงเหมือนบทสวด สร้างความขลังขึ้นมา
สีดำมืดเมื่อตอนทัวร์นรก บัดนี้มีแสงสว่างจ้า ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่าง
ช่วงนี้เสียงดนตรีโดยเฉพาะเครื่องเป่าต่างเล่นสอดประสาน
ขณะที่พระเนมิราชพบปะปวงเทวดา ทำนองช่วงอินโทรของบทเพลง “สดุดีมหาราชา” ที่คุ้นหูดังขึ้นเป็นระยะ
และเมื่อพ้นจากช่วยไคลแมกซ์ เทวดารับฟังธรรมจนปีติ พระเนมิราชาก็กลับจากสวรรค์ลงสู่โลกมนุษย์
ชาวเมืองให้การต้อนรับการกลับมาอย่างอิ่มเอิบใจ
บัลเลต์-โอเปร่า เรื่องพระเนมิราชจบลงอย่างมีความสุข
ความสุขที่ได้รับจากเรื่องราวการบำเพ็ญอธิษฐานบารมี
เป็นความสุขที่เกิดได้ไม่ยาก หากใครจะเริ่มทำ…อธิษฐานบารมี
เริ่มต้นด้วยความตั้งใจแน่วแน่ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงามตลอดไป