‘ปลดล็อก’ ประวัติศาสตร์ไทย ‘เชื้อชาติไทย’ ไม่มี ในดีเอ็นเอ โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ

ประวัติศาสตร์เป็นวิชาเปิดหูเปิดตารู้เท่าทันโลก แต่ไทยเรียนประวัติศาสตร์เพื่อ “ปิดหูปิดตา” ด้วยการท่องจำตามคำสอนของครูอาจารย์

ที่ห้องอินฟินิตี้ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์  หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ จัดสัมมนา PRACHACHAT BUSINESS FORUM โดยนายสมเกียรติ์  ตั้งกิจวาณิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) บรรยายในหัวข้อ Unlock Thailand ตอนหนึ่งว่าเรากำลังต้องฝ่าพายุการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่อ่อนไหวมาก เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงก้าวกระโดด

จากหัวข้อที่ต้องอันล็อกประเทศไทย มีการตั้งคำถามแรกที่ต้องตอบว่าแล้วอะไร ล็อกประเทศไทย อะไรล็อกคนไทยไว้

ผมคิดว่ามีล็อกจำนวนมากมาย เรียกได้ว่าเป็นเซฟที่ปลอดภัยอย่างยิ่ง ถ้าขโมยจะเข้ามาขโมยไม่ได้แน่นอน เพราะเราล็อกไว้หลายชั้นเหลือเกิน เพื่อให้ประเทศไทยไม่ขยับง่ายๆ มีเรื่องการเมือง ยังเป็นเมฆหมอกอยู่ แต่ขออนุญาตไม่พูดอะไร และถ้าเราจะปลดล็อกต้องดู 3 เรื่อง คือ กฎระเบียบโบราณ การศึกษาจำท่อง และการทดลองโดยไม่เรียนรู้ ถ้าประเทศไทยปลดล็อกทั้ง 3 เรื่อง อนาคตประเทศไทยมีแน่

การศึกษาเน้นท่องจำ เรื่องนี้สำคัญ ทำให้ไม่สามารถเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีความรู้ที่ตายตัวจากการท่องจำ เช่น

การเรียนวิชาประวัติศาสตร์ วิชาที่ในต่างประเทศุยกันว่าเป็นวิชาเปิดหูเปิดตาเด็กๆ ได้โดยการให้ถูกอภิปรายด้านการเรียนรู้ สาเหตุการตัดสินใจในแต่ละจุดต่อของประวัติศาสตร์ แต่การเรียนประวัติศาสตร์ในไทยกลับเน้นท่องจำ

ดูต่างประเทศการศึกษาดีๆ คือปรับหลักสูตรบ่อยครั้ง เช่น สิงคโปร์ เป็น เบอร์ 1 ของการสอบ PISA ปรับหลักสูตรทุก 6 ปี และฟินแลนด์ปรับทุก 10 ปี

แต่ไทยไม่ได้ปรับหลักสูตรมา 15-16 ปี ตั้งแต่ปี 2551 เป็นปีที่สูสีกับปีที่ Apple ออก iPhone รุ่นแรก และตอนนี้ iPhone รุ่น 15 แล้ว แต่หลักสูตรไทยคงคุณภาพเหมือนเดิม

[ข่าวจาก มติชน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2567 หน้า 1, 13, 14]

ประวัติศาสตร์ไทย (กระแสหลัก) ราว 85 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ พ.ศ. 2482 (เป็นอย่างน้อย) ไม่เปลี่ยนโครงเรื่องหลัก ถูก “ล็อก” อยู่ที่ประวัติศาสตร์ “ชนชาติไทย เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธ์”  มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเมืองจีน แล้วถูกรุกรานต้องอพยพยกโขยงถอนรากถอนโคนลงทางทิศใต้ สู่ดินแดนไทยปัจจุบัน เริ่มสุโขทัยราชธานีแห่งแรก และอยุธยา ราชธานีแห่งที่สอง จากนั้นมีสงครามสร้างวีรบุรษ “ไทยรบพม่า” ด้วยวิธีท่องจำตามคำครูสอน (แบบเถรวาทไทย) ห้ามถาม ห้ามเถียง

ประวัติศาสตร์เชื้อชาติไทย เป็นประวัติศาสตร์ “ตกยุค” ที่ลดทอน-บั่นทอนพลังสร้างสรรค์

ซึ่งน่าอัศจรรย์มากที่รัฐบาลป่าวร้องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วย “ซอฟต์ เพาเวอร์” แต่ก้าวไม่พ้นปราการแข็งแกร่งเรื่องเชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ ในประวัติศาสตร์บิดเบือน เสมือนรัฐบาล “ตบตา” ประชาชน ทั้งๆ นักวิทยาศาสตร์บอกนานแล้วว่า เชื้อชาติไม่มีในโลก และดีเอ็นเอพิสูจน์แล้วไม่มีเชื้อชาติไทย

ประวัติศาสตร์ไทย “ตกยุค” ควบคุมความคิดคนที่ถูกครอบงำโดยอำนาจรัฐ ทำให้คนเหล่านั้นหลงตนเองว่า “ไทยไม่เหมือนใครในโลก” แล้วด้อยค่าเพื่อนบ้าน (ตามความต้องการของรัฐ) ก่อวิวาทบาดหมางสร้างบาดแผลต่อเนื่องยาวนานจนปัจจุบัน และจะมีต่อไปเมื่อรัฐบาล “ให้ท้าย” ไม่ “ปลดล็อก” ประวัติศาสตร์ไทย

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่