ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
อยุธยาโดยรอบล้วนเคยเป็นสนามรบ เพราะถูกกองทัพในพม่ายกมาล้อมกรุง 2 ครั้ง
ครั้งแรกจากรัฐหงสาวดี เมื่อ พ.ศ. 2112 ครั้งหลังจากรัฐอังวะ เมื่อ พ.ศ. 2310
ในเกาะเมืองอยุธยาทั้งหมดเป็นสนามรบ เพราะทัพอังวะระเบิดกำแพงเมืองมุมด้านทิศตะวันออก ตรงที่เรียกหัวรอ แล้วยกเข้าพระนคร
นอกเกาะเมืองอยุธยาโดยรอบเป็นสนามรบ เช่น ทุ่งประเชด, ทุ่งภูเขาทอง, ทุ่งลุมพลี, ทุ่งแก้ว, ทุ่งขวัญ, ทุ่งหันตรา ฯลฯ แล้วยังต่อเนื่องถึงท้องที่และจังหวัดใกล้เคียง เช่น อ่างทอง, สุพรรณบุรี ฯลฯ
ทัวร์สนามรบ
สนามรบรอบอยุธยา เป็นแหล่งทอดน่องท่องเที่ยวแบ่งปันความรู้ประวัติศาสตร์สังคมและการเมืองเกี่ยวกับสงคราม
ทัวร์สนามรบถ้าทำได้ ชุมชนท้องถิ่นย่อมรับประโยชน์โดยตรง เช่น บ้านโพธิ์สามต้น (อยู่ต่อเนื่องกับพะเนียดช้าง) เป็นค่ายใหญ่ของรัฐอังวะ ให้สุกี้พระนายกองควบคุม ทุกวันนี้มีร่องรอยหลงเหลือทั่วไป และมีถนนหนทางสะดวกมาก
สงคราม
สงครามเป็นเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม ที่ควรเรียนรู้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่เป็นเรื่องน่าเกลียดชิงชัง ไม่เป็นประวัติศาสตร์บาดหมางสร้างบาดแผล ถ้าศึกษาตามพยานหลักฐานวิชาการ ไม่ใส่สีตีไข่ให้ร้ายเพื่อนบ้าน หรือยกตนข่มท่าน
เพราะสงครามไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ จากสุญญากาศ หรือจากขอช้างเผือกแล้วไม่ได้ตามต้องการ ซึ่งไม่มีจริง แต่เป็นนิทานสร้างความชอบธรรมทางการเมืองในรัฐจารีต
สงครามทุกยุคสมัยมีเหตุจากความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ หรือทางเศรษฐกิจการเมืองในยุคนั้นเป็นสำคัญที่สุด และอาจมีเรื่องอื่นๆ รองไปผนวกด้วยก็ได้
ปัญหาของประวัติศาสตร์ไทยอยู่ที่ให้ความสำคัญเหตุการณ์สงคราม และวีรบุรุษสงครามที่เพิ่งสร้างอย่างนิยาย โดยมองข้ามต้นเหตุทางเศรษฐกิจการเมืองที่มีพยานหลักฐาน และร่องรอยทางประวัติศาสตร์โบราณคดี
ขณะเดียวกันก็กระพือประวัติศาสตร์สงครามเพิ่งสร้างเพื่อประโยชน์ทางการเมืองแบบคลั่งชาติ กลายเป็นประวัติศาสตร์บาดหมางสร้างบาดแผลกับเพื่อนบ้านโดยรอบ อย่างนี้ควรแก้ไข หรือยกเลิก
สงครามในประวัติศาสตร์มีทั้งเราถูกเขารุกรานทำลาย กับเราไปรุกรานทำลายเขา ดังนั้นความทรงจำของผู้รุกรานกับผู้ถูกรุกรานย่อมต่างกัน
อยุธยาขายได้ แต่ขายอะไร? แบบไหน?
อยุธยาขายได้ในตลาดท่องเที่ยว ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีวัฒนธรรมท่องเที่ยว ตามสภาพผันผวนปรวนแปรทางการเมืองและเศรษฐกิจทั้งของไทยและของโลก
ยิ่งเสมือนชานเมืองกรุงเทพฯ (โดยระยะทาง) ยิ่งขายได้ขายดีตลอดกาล
ทรัพยากรท่องเที่ยวหลากหลายมีในอยุธยา แต่เฉพาะตอนนี้จำแนกกว้างๆ 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
- เมืองประวัติศาสตร์ มีทั้งประวัติศาสตร์แห่งชาติ และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ทับซ้อนอยู่ด้วยกันทั้งในเกาะเมือง และบริเวณรอบนอกออกไปไกลๆ เช่น สนามรบ
- วิถีท้องถิ่น มีมากทั่วไปทุกตำบล, อำเภอทั้งจังหวัด ได้แก่ หมู่บ้าน, วัด และแหล่งศักดิ์สิทธิ์ในชุมชน, ทุ่งนา, แม่น้ำลำคลองหนองบึง ฯลฯ
ปัญหาอยู่ที่จะบริหารจัดการอย่างไรกับทรัพยากรท่องเที่ยวที่มีทั้งหมดในอยุธยา แล้วจะขายอะไร? แบบไหน? ฯลฯ ทัวร์สนามรบน่าจะทำได้สนุกตื่นเต้น
ที่ผ่านมานานมากเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอยุธยา มีปัญหาใหญ่ๆ 2 กรณี ได้แก่
- ความขัดแย้งทางการบริหารจัดการ ระหว่างหน่วยงานส่วนกลาง, ส่วนภูมิภาค, ส่วนท้องถิ่น
- ข้อจำกัดทางวิชาการประวัติศาสตร์โบราณคดีมานุษยวิทยา ให้ความสำคัญในวงแคบๆ เฉพาะเหตุการณ์สงครามของวีรบุรุษ กับศิลปะสถาปัตยกรรมของวัดกับวัง โดยลดทอนคุณค่าวัฒนธรรมราษฎร์ที่มีมากทั่วไปทั้งจังหวัด และเข้าถึงนักท่องเที่ยวดีกว่า แม้สนามรบก็ถูกลดทอนหายไป ไม่มีใครรู้จักอีก ด้วยเหตุจากข้อจำกัดนี้
คนทำสื่อไทยอยู่ในความครอบงำของทางการที่มีข้อจำกัด และแสวงหาความรู้ความเข้าใจก้าวหน้ากว่าทางการไม่ได้ด้วยตนเอง เพราะประสิทธิภาพอ่อนแอ เท่ากับลดโอกาสของสังคมในการเข้าถึงความรู้ก้าวหน้า
ถ้าอยุธยาแก้ปัญหาลดลงจนหมดไป รายได้จะทวีคูณขนาดไหนเกินคาดเดาได้ถ้วน?