ปรับ ครม. …ส.ว.ออนทัวร์ มือถือสากปากถือศีล

ปรับ ครม. ...ส.ว.ออนทัวร์ มือถือสากปากถือศีล

รัฐสภาปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีไปตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา จะเปิดอีกครั้งเดือนกรกฎาคม

ขณะเดียวกัน วุฒิสมาชิก 250 คน จะครบวาระ 5 ปี วันที่ 11 พฤษภาคมนี้ การเลือกชุดใหม่คาดว่าจะเสร็จสิ้นราวเดือนกรกฎาคมเช่นกัน

สถานการณ์การเมืองหลังกรกฎาคมคงจะคึกคักเข้มข้นขึ้นตามลำดับเมื่อองค์ประกอบรัฐสภาครบถ้วน

ความเคลื่อนไหวระหว่างนี้ จึงพุ่งเป้าไปที่แนวโน้มการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยการเปิดตัวลงสมัครเป็นวุฒิสมาชิกโดยเลือกกันเองระหว่างกลุ่มอาชีพและข้ามกลุ่ม

กับข่าวการเดินทางไปต่างประเทศของคณะกรรมาธิการสามัญวุฒิสภาหลายคณะ ภายใต้ข้ออ้างเป็นการปฏิบัติภารกิจ ศึกษาดูงานบ้าง ประชุมทวิภาคีบ้าง ได้รับเชิญมานานแล้วบ้าง ที่แน่ๆ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 81 ล้านบาท

ADVERTISMENT

ครับ แต่ละเรื่อง ล้วนน่าสานเสวนา วิวาทะทั้งสิ้น เพราะสังคมกำลังติดตามจับตาว่าจะจบลงอย่างไร

การปรับคณะรัฐมนตรี ในลักษณะเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ราย นพ.ชลน่าน ศรีแก้วรมว.สาธารณสุข และ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม จะสร้างแรงกระเพื่อม สั่นคลอนภายในพรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาลแค่ไหนขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ มีตำแหน่งหน้าที่ที่เหมาะสมมาแลกเปลี่ยน ปลอบใจหรือไม่

แม้กระทั่งข่าวการเปลี่ยนตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอเก้าอี้คืนจาก นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พรรคประชาชาติ ก็เถอะ

ถึงเจ้าตัวจะยืนกรานหนักแน่นว่า ไม่เกี่ยวกัน การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ตำแหน่งประธานสภาเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาเลือกกันมา

ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทยพยายามสยบข่าวว่า ไม่มีอะไร ประธานสภายังทำหน้าที่ได้ดี ไม่มีความคิดที่จะเปลียนแปลงก็ตาม

แต่ปรากฏว่าภายหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ของพรรคประชาชาติ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค พูดถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีว่า ภายในพรรคได้พูดคุยกันถึงโควต้ารัฐมนตรี ว่าอยากได้ 2 คนเพื่อทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้

แทนที่กระแสข่าวการเปลี่ยนประธานสภาผู้แทนราษฎรจะจบลงแต่โดยดี รอเวลาไปอีกสักระยะหนึ่ง กับกระเพื่อมต่อไปยังไม่จบง่ายๆ

นี่แหละครับ สัจธรรมของการเมือง เรื่องการต่อรอง แลกเปลี่ยน จัดสรรผลประโยชน์ หากสามารถพูดคุย เจรจาตกลงกันได้จนพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย อะไรที่ว่าเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น

การปรับคณะรัฐมนตรีรอบนี้ น่าจะเกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจจะรอเวลาให้สถานการณ์สุกงอมไปอีกระยะหนึ่ง

ยกเว้นมีการเสนอเก้าอี้รัฐมนตรีงามๆ แลกเปลี่ยนตอบแทน

ปัจจัยชี้ขาดสำคัญที่สุดอยู่ตรงประเด็นที่ว่า พรรคไหนใครคือผู้จ่าย คนนั้นมีอำนาจและเสียงดังในการตัดสินแทบทุกเรื่อง มากกว่าใคร

ความเคลื่อนไหวเรื่องต่อมา ว่าด้วยการทิ้งทวน ทัวร์นอกของ ส.ว.ยังไม่จบอีกเช่นกัน ผู้คนกำลังรอดูว่า จะเกิดการเปลี่ยนใจ ยกเลิกแผนผลาญเงินภาษีชาวบ้านจำนวนมาก หรือไม่

ไล่เรียงรายการเดินทางของแต่ละกรรมาธิการ กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ ไปประเทศ ณ สาธารณรัฐคาซัคสถาน และจอร์เจีย ระหว่างวันที่2-9 พ.ค.

กมธ.ท่องเที่ยว ไปประเทศสาธารณรัฐโครเอเชีย มอนเตเนโกร บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ระหว่างวันที่ 14-23 พ.ค.

กมธ.แรงงานไปประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่26 เม.ย.-3 พ.ค. ร่วมกับ กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม

กมธ.การศึกษา ไปเมืองกุ้ยหลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 11-16 พ.ค. และสาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักรสวีเดน และสาธารณรัฐเอสโตเนีย วันที่ 27 พ.ค.-3 มิ.ย.

กมธ.กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญไป สาธารณรัฐออสเตรีย สาธารณรัฐสโลวีเนีย และสาธารณรัฐโครเอเชีย กมธ.ติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ไปประเทศเยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และสวีเดน ระหว่างวันที่ 19-30 เม.ย.

ฝ่ายต้องการเดินทางอ้างโน่นอ้างนี่ ว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ไปทำงาน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไม่ได้ไปเที่ยว แม้จะหมดสมัยแล้ว ยังสามารถนำสิ่งที่ได้รับมาทำประโยชน์กับชาติบ้านเมืองได้

คนฟัง ฟังแล้วคิดอย่างไร ถามชาวบ้าน ย่านตลาด ไหนๆ ก็ได้ แค่ 10 คน เห็นด้วยสักกี่คน

คำตอบที่ได้รับจะเป็นไปอย่างที่ฝ่ายคัดค้าน คนกันเองเตือนสติว่า ไปดูงานนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะ ส.ว.จะหมดวาระเดือนหน้านี้แล้ว จะไปดูอะไรต้องระมัดระวัง การใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน เมื่อเราจะตรวจคนอื่นไม่ให้ใช้เงินฟุ่มเฟือย เราก็ต้องทำเป็นตัวอย่าง

ที่อ้างว่า ส.ว.ทำงานมา 5 ปีไม่ได้เดินทางไปไหนเลย โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 เรื่องนี้ไม่เกี่ยว ไม่ต้อง 5 ปีหรอก ทำงานตลอดชีวิตก็ไม่ควรเอาเงินประเทศไปใช้ หากอยากจะไปก็ควรใช้เงินส่วนตัวไม่มีใครเขาว่า เป็น ส.ว.มีเงินเดือนเยอะแยะก็ควรจะเอาเงินส่วนตัวไป จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน

เหตุผลของฝ่ายค้านคงเงียบหายไปในสายลม เมื่อผู้ทรงเกียรติ บอดใบ้ ไม่สนใจ ทำเป็นหูทวนลม ไม่ฟังคำท้วงติงใดๆ ทิ้งสิ้น

ระหว่างปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างที่ดี น่ายกย่อง เคารพเชื่อถือ กับมือถือสากปากถือศีล คนรุ่นหลัง เลิกยกมือไหว้ ไม่ขอเอาเยี่ยงอย่าง

แต่ละท่านจะเลือกเป็นคนเช่นไร ขึ้นอยู่ที่ระดับจิตใต้สำนึกของแต่ละคน ล่ะครับ มีแค่ไหน