‘คนไทย’ มาจากชาวสยาม ลำตะคอง ที่ราบสูงโคราช โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ

“เสียมกุก” ขบวนแห่เกียรติยศ ของกลุ่มสยามลำตะคอง ลุ่มน้ำมูล ซึ่งเป็นเครือญาติสนิทของกษัตริย์กัมพูชา ราว พ.ศ. 1650 (900 ปีมาแล้ว) (ในภาพ) ภาพสลักบนระเบียงปราสาทนครวัด ทั้งเจ้านายและไพร่พลนุ่งถุงเหมือนโสร่ง (ไม่นุ่งถลกแบบเขมร) เป็นเครื่องแต่งตัวตามประเพณีในพิธีกรรมสำคัญ (ไม่แต่งในชีวิตประจำวัน) [ถอดแบบลายเส้นจากภาพสลัก โดย คงศักดิ์ กุลกลางดอน อาจารย์คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร)

“คนไทย” มาจากชาวสยาม ลำตะคอง ที่ราบสูงโคราช โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ

คนไทยมาจากชาวสยามที่มีหลายกลุ่ม และมีหลักแหล่งกระจัดกระจายหลายทิศทาง แต่ชาวสยามดั้งเดิมมีศูนย์กลางอยู่ลำตะคอง ลุ่มน้ำมูล บริเวณที่ราบสูงโคราช

รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขชำระประวัติศาสตร์ไทยให้อยู่กับร่องกับรอยตามหลักฐานวิชาการ เริ่มด้วยการยอมรับความวิปริตบิดเบือนของประวัติศาสตร์ไทยกระแสหลัก ที่รัฐบาลใช้งาน “ตบตา” ประชาชนทุกวันนี้อย่างไม่สง่างาม

ประวัติศาสตร์ “คลั่ง” เชื้อชาติไทย ที่ไม่มีจริง

Advertisement

ประวัติศาสตร์มีพลัง แต่พลังประวัติศาสตร์จะเป็นคุณหรือโทษต่อสังคม ขึ้นอยู่กับการถูกใช้ไปเพื่อสร้างสรรหรือบั่นทอน

ประวัติศาสตร์ไทยกระแสหลักที่รัฐบาลปัจจุบันใช้งานทางการทุกวันนี้ เป็นประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลก่อนๆ ใช้สืบเนื่องนานมาแล้ว แม้รัฐบาลเผด็จการทหารบงการให้ปรับปรุงใหม่ พ.ศ. 2558 แต่ก็อยู่ในกรอบโครงสร้างเก่าซึ่งมีลักษณะสำคัญ ดังนี้

(1.) เป็นประวัติศาสตร์ “คลั่ง” เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ ที่มีเหตุเมื่อเปลี่ยนชื่อประเทศจากเดิมว่าสยาม ให้เป็นไปตามชื่อเชื้อชาติไทย ว่าประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2482 ราว 85 ปีมาแล้ว

Advertisement

(2.) เมื่อเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย ดังนั้นประวัติศาสตร์สยามที่มีมาแต่เดิมก็ถูกบงการให้เปลี่ยนเป็นประวัติศาสตร์ไทย แล้วเสกสรรปั้นแต่งเนื้อเรื่องขึ้นใหม่ว่าคนไทยแท้ เชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ มีถิ่นเดิมในจีน บริเวณอัลไต-น่านเจ้า โดยไม่พบหลักฐานวิชาการด้านใดๆ สนับสนุน

(3.) ปัจจุบันได้พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เป็นที่รับรู้ทั่วโลกว่าเชื้อชาติไม่มีจริง ดังนั้น เชื้อชาติไทยไม่มีในโลก แต่ประวัติศาสตร์ไทยกระแสหลักยังสืบทอดประวัติศาสตร์ “คลั่ง” เชื้อชาติไทย แล้วถูกรัฐบาลใช้งานอย่างเป็นทางการจนทุกวันนี้ โดยไม่เดือดเนื้อร้อนใจในความวิปริตผิดพลาด

ผลเสียจากประวัติศาสตร์ “คลั่ง” เชื้อชาติไทย

(1.) สร้างความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านขั้นรุนแรง-นองเลือด ต้องล้มตายนับไม่ถ้วนหลายครั้งหลายหน ทำให้ประวัติศาสตร์ไทยกระแสหลักถูกเรียกว่าประวัติศาสตร์บาดแผล หรือประวัติศาสตร์บาดหมางสร้างบาดแผลที่ยากเยียวยา

(2.) ส่งผลเสียหายต่อการค้ามูลค่ามหาศาลกับเพื่อนบ้าน อันสืบเนื่องจากความขัดแย้งรุนแรงซึ่งเป็นผลจากประวัติศาสตร์บาดแผล พบประจักษ์พยานชัดเจนในความขัดแย้งรุนแรงบริเวณสามจังหวัดชายแดนใต้อย่างยาวนานมากสืบจนทุกวันนี้

(3.) เป็นปฏิปักษ์ต่อความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ชะงักแล้วลดลง จนในที่สุดวรรณกรรมสร้างสรรค์ก็ไปไม่รอด เพราะติดกับดัก “ความเป็นไทยไม่เหมือนใครในโลก” และไม่ส่งแรงกระตุ้นให้เกิดซอฟต์ เพาเวอร์

ความผิดพลาดฉกาจฉกรรจ์ของประวัติศาสตร์ไทยกระแสหลัก มี 2 เรื่องใหญ่ ที่วิปริตบิดเบือน คือ (1.) คนไทยเป็นชนเชื้อชาติไทยสายเลือดบริสุทธิ์ และ (2.) มีถิ่นเดิมอยู่ในจีน บริเวณอัลไต-น่านเจ้า

ต้องแก้ไขความผิดพลาดด้วยการชำระแก้ไขประวัติศาสตร์ไทยตามข้อมูลวิชาการสากลทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และมานุษยวิทยา ดังนี้

หนึ่ง ไทยเป็นชื่อทางวัฒนธรรม ไม่ใช่ชื่อเชื้อชาติ ดังนั้นไม่มีเชื้อชาติไทย สายเลือดบริสุทธิ์ และ

สอง ไทยมาจากชาวสยามเป็น “ลูกผสม” จากการผสมผสานของคนหลายชาติพันธุ์ เริ่มจากหลายชาติพันธุ์ในอุษาคเนย์ แล้วขยายไปหลายชาติพันธุ์ในโลก ทำให้คนไทยเป็นพลเมืองโลกในทางชาติพันธุ์

คนไทยมาจากชาวสยาม

คนไทยมาจากชาวสยาม เป็นที่รับรู้กว้างขวางนานเป็นร้อยๆ ปีมาแล้วในหมู่นักปราชญ์ นักค้นคว้า นักวิชาการ ทั้งไทยและนานาชาติ ว่า “ชาวสยามเรียกตนเองว่าไทย” พบหลักฐานเก่าสุดหลายร้อยปีมาแล้วในบันทึกของลา ลูแบร์ (ราชทูตฝรั่งเศส เข้าถึงอยุธยาในแผ่นพระนารายณ์ฯ

ชาวสยามเป็นลูกผสมจากหลายชาติพันธุ์ (นับไม่ถ้วน) ที่พูดภาษาไท-ไต-ไทย เป็นภาษากลาง มีหลักแหล่งถิ่นฐานบ้านเรือนกระจัดกระจายหลายทิศทาง ได้แก่ ชาวสยามดั้งเดิม และชาวสยามท่าจีน-แม่กลอง ดังนี้

ชาวสยามดั้งเดิม มีศูนย์กลางอยู่เมืองเสมา (อ. สูงเนิน จ. นครราชสีมา) บริเวณที่ราบสูงโคราช ลำตะคอง ลุ่มน้ำมูล ซึ่งเป็น “เมืองคู่” กับเมืองศรีเทพ (อ. ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์)

(1.) หลักฐานยืนยันความเป็นชาวสยามดั้งเดิม คือภาพสลักนูนต่ำที่ปราสาทนครวัด พร้อมจารึกภาษาเขมรว่า “เสียมกุก” ตรงกับภาษาไทยว่า “สยามกก” หมายถึงสยามดั้งเดิม (กก แปลว่า ดั้งเดิม, เริ่มแรก) ทายาทสยามดั้งเดิม คือพ่อขุนผาเมือง (ต่อไปข้างหน้า) จะมีส่วนสำคัญการสถาปนาเมืองอโยธยา

(2.) ชาวสยามดั้งเดิมเป็นเครือญาติใกล้ชิดสุริยวรรมันที่ 2 กษัตริย์เมืองพระนคร (นครวัด) ที่โตนเลสาบ กัมพูชา จึงมีภาพสลัก “เสียมกุก” ที่ปราสาทนครวัด ในพิธีกรรมสำคัญตามความเชื่อทางศาสนาผีผสมพราหมณ์-ฮินดู เมื่อ 917 ปีมาแล้ว ราว พ.ศ. 1650

(3.) ชาวสยามดั้งเดิมน่าจะเกี่ยวดองเป็นเครือญาติชาติภาษากับบ้านเมืองด้านเหนือขึ้นไปทางลุ่มน้ำชีถึงลุ่มน้ำโขง ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่เวียงจันท์ในลาว

ชาวสยามท่าจีน-แม่กลอง มีศูนย์กลางอยู่สุพรรณภูมิ (สุพรรณบุรี) บริเวณที่ราบลุ่มภาคกลาง แม่น้ำท่าจีน-แม่กลอง ซึ่งเชื่อมโยงถึงเมืองเพชรบุรี และเมืองนครศรีธรรมราช

ทายาทสยามเครือข่าย (ต่อไปข้างหน้า) เป็นกษัตริย์ครองเมืองสุพรรณภูมิ 2 องค์ คือ ขุนหลวงพะงั่ว และเจ้านครอินทร์

ชาวสยามท่าจีน-แม่กลอง น่าจะเกี่ยวดองเป็นเครือญาติชาติภาษากับบ้านเมืองทางเหนือขึ้นไปถึงหลวงพระบาง (ในลาว) โดยผ่านลุ่มน้ำป่าสัก

พ่อขุนผาเมือง ชาวสยาม ลำตะคอง

พ่อขุนผาเมืองเป็นกษัตริย์เมืองราด ปัจจุบันคือเมืองเสมา (อ. สูงเนิน จ. นครราชสีมา) พบหลักฐานแสดงความสำคัญดังนี้

(1.) เป็นทายาท “เสียมกุก” – สยามกก – สยามดั้งเดิม (ตามภาพสลักที่ปราสาทนครวัด)

(2.) เป็นเครือญาติใกล้ชิดมาก กับกษัตริย์เมืองพระนครหลวง (นครธม เมื่อ 817 ปีมาแล้ว ราว พ.ศ.1750) มีบอกในจารึกวัดศรีชุม (จ.สุโขทัย)

(3.) พ่อขุนผาเมืองรับพระราชทานพระขรรค์ชัยศรี (ดาบสองคม) จากกษัตริย์เมืองพระนครหลวง (นครธม) มีบอกในจารึกวัดศรีชุม (จ.สุโขทัย)

(4.) พ่อขุนผาเมือง กษัตริย์เมืองราด (เมืองเสมา) มีส่วนสำคัญในการสถาปนาเมือง
อโยธยา พบหลักฐานร่องรอยในพงศาวดารเหนือว่าพ่อขุนผาเมืองเป็นกษัตริย์ครองเมือง
อโยธยา ซึ่งทำให้พระขรรค์ชัยศรีเป็นมรดกตกทอดถึงกษัตริย์อยุธยา (พบในกรุวัดราชบูรณะ และมีบอกในคำให้การชาวกรุงเก่า)

(5.) อโยธยา-อยุธยา รับวัฒนธรรมจากลุ่มแม่น้ำมูล ได้แก่ แบบแผนพระปรางค์รับจากปราสาท, รามเกียรติ์พบบนทับหลังปราสาทต่างๆ เป็นต้น

(6.) อโยธยา-อยุธยา ใช้ภาษาไทย มีอักษรไทย เรียกตนเองว่าไทย หรือคนไทย หลังจากนั้นแผ่ขยายไปสุโขทัยและเมืองอื่นๆ รวมทั้งแผ่ความเป็นอโยธยา-อยุธยา เหนือเมืองเสมา-เมืองราด ที่สูงเนิน แล้วสถาปนานามเมืองใหม่ว่านครราชสีมา

แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองราดของพ่อขุนผาเมือง คือ เมืองเสมา “โคราชเก่า” อ. สูงเนิน จ. นครราชสีมา “เริ่มแรก” (โดย ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ มกราคม 2562)

นครราชสีมา 

นครราชสีมาเริ่มแรก อยู่ “โคราชเก่า” ที่เมืองเสมา (อ. สูงเนิน จ. นครราชสีมา)

ความเป็นมาของนครราชสีมา “โคราชเก่า” เกี่ยวข้องการเริ่มต้นความเป็นคนไทย ในประวัติศาสตร์ไทย ดังนี้

(1.) เมืองเสมาเป็นศูนย์กลางเริ่มแรก ของชาวสยามดั้งเดิม ในภาพสลักเสียมกุก (ปราสาทนครวัด) เมื่อ 900 ปีมาแล้ว ซึ่งต่อไปข้างหน้าจะเรียกตนเองว่าไทย (บรรพชนคนไทยปัจจุบัน)

(2.) เมืองเสมา คือ เมืองราด ของพ่อขุนผาเมือง เมื่อ 800 ปีมาแล้ว ที่สืบ “ดีเอ็นเอ” จากชาวสยามดั้งเดิม (เสียมกุก) นครวัด และมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นกำเนิดรัฐอโยธยา-อยุธยา

(3.) เมืองเสมาเป็นเมืองนครราชสีมาแห่งแรก “โคราชเก่า” ที่ถูกสถาปนาโดยกษัตริย์สมัยอยุธยาตอนต้น หลังจากนั้นได้สร้างเมืองใหม่สมัยอยุธยาตอนปลาย แล้วอยู่ต่อเนื่องถึงปัจจุบันเป็นจังหวัดนครราชสีมา

มิวเซียมโคราช บอกความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองและประชาชนนครราชสีมา ยังไม่มี (ที่มีเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ของกรมศิลปากร ซึ่งไม่บอกประวัติความเป็นมาของประชาชนนครราชสีมา)

ต้องเร่งสร้างมิวเซียมโคราช เพื่อประโยชน์ต่อไปนี้ (1.) รู้ความเป็นมาทางสังคมวัฒนธรรมของบ้านเมืองและประชาชนนครราชสีมา (2.) กระตุ้นพลังเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผลักดันซอฟต์ เพาเวอร์ (3.) ดึงดูดการท่องเที่ยวท้องถิ่น จ.นครราชสีมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image