ที่มา | คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
เผยแพร่ |
“หัวใจ” เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย
เมื่อ “หัวใจเต้น” ชีวิตก็ยังอยู่ แต่เมื่อ “หัวใจหยุด” ก็ไม่มีชีวิต
วิชาชีพแต่ละวิชาชีพก็มี “หัวใจ”
ถ้า “หัวใจ” ของวิชาชีพยังทำงาน คุณค่าของวิชาชีพนั้นก็เปล่งประกายเจิดจ้า
แต่ถ้าวิชาชีพนั้นขาด “หัวใจ” แม้ทุกอย่างยังเคลื่อนไหว แต่ก็ไร้คุณค่า
หน่วยงานยุติธรรม หัวใจสำคัญ คือ “ความเป็นธรรม”
ถ้าหน่วยงานยุติธรรม มีพฤติกรรม 2 มาตรฐาน คุณค่าก็ย่อมถดถอย
เกิดเหตุไม่เป็นธรรมขึ้นบ่อยๆ เข้า สุดท้ายหน่วยงานเหล่านั้นก็ไร้ “หัวใจ”
คุณค่าหดหายไปเรื่อยๆ
วิชาชีพสื่อมวลชนก็เหมือนกัน อาชีพนี้มีหัวใจคือ “เสรีภาพ”
ถ้าขาดเสรีภาพก็ไม่ต้องพูดถึงการทำหน้าที่อื่นๆ
สภาวิชาชีพสื่อที่เกิดขึ้นมาก็เพื่อรักษา “หัวใจ” ของสื่อเอาไว้
รักษา “เสรีภาพ” การนำเสนอข่าวสาร
แต่ระยะหลังเริ่มมีคนตั้งเป้าให้สภาวิชาชีพสื่อทำหน้าที่ “ควบคุม”
วงการสื่อมวลชนเองก็เฮโลมาเน้นการควบคุม
พอควบคุมก็โดนต่อต้าน เพราะสภาวิชาชีพสื่อตั้งขึ้นมาเพื่อ “ส่งเสริม” ไม่ใช่ “ควบคุม”
ส่วนการควบคุมเป็นหน้าที่ขององค์กรอื่นๆ นับตั้งแต่กระบวนการยุติธรรมไปจนถึงสังคม
ดังนั้น เมื่อสภาวิชาชีพสื่อทำงานผิดวัตถุประสงค์หลักคือส่งเสริมก็เริ่มมีสื่อไม่ฟัง
ไม่ฟังเพราะเริ่มใช้สภาวิชาชีพสื่อมาควบคุมความคิดเห็น
ต้องเห็นไปในทางเดียวกัน ต้องไม่เห็นต่าง ต้องไม่ขัดแย้ง…ซึ่งเป็นไปไม่ได้
เมื่อสื่อมวลชนเริ่มไม่ฟังก็มีความคิดใหม่ คือออกกฎหมายตั้งสภาขึ้นมาควบคุม
แน่นอนที่คนในวงการสื่อมวลชนมีทั้งดีมีทั้งแย่ เฉกเช่นเดียวกับวงการต่างๆ
แต่ทั้งดีและแย่ก็แสดงความเห็นภายใต้กฎหมาย
การแสดงความคิดเห็นมีบันทึกไว้เป็นตัวอักษร ภาพ หรือเสียง
ทุกถ้อยคำที่เขียนที่พูดควบคู่ไปกับความรับผิดชอบ
ผิดหรือถูกก็สามารถอ่านได้…ไม่เห็นด้วยก็ตอบโต้ได้ภายใต้กฎหมาย
หากผิดกฎหมายก็โดนฟ้อง!
แต่ทุกคนยังมีสิทธิแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี
และเมื่อใดที่มีการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร สภาวิชาชีพสื่อมวลชนเองก็จะออกมาปกป้อง
หน้าที่ของสภาวิชาชีพสื่อจะมีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่าจึงอยู่ที่การพิทักษ์รักษา “เสรีภาพ” เอาไว้
แต่ต่อไปนี้ ถ้ากฎหมายตัวใหม่ออกมา โอกาสที่องค์กรตามกฎหมายใหม่จะเข้าควบคุมเสรีภาพมีสูงกว่าการส่งเสริม
ดังนั้น องค์กรวิชาชีพสื่อจึงรวมตัวกันโต้แย้ง ไม่เอาด้วย
เพราะถ้าสภาวิชาชีพสื่อเปลี่ยนบทบาทจาก “ส่งเสริม” ไปเป็นการ “จำกัด” เสรีภาพจริง
ย่อมหมายถึงการเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้พิทักษ์” ไปเป็น “ผู้ทำลาย” หัวใจของวิชาชีพสื่อ
เปิดทางให้ทำลายเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการเสนอข่าวสาร
ขัดกับวัตถุประสงค์การตั้งสภาวิชาชีพสื่อที่ก่อตัวมาแต่ดั้งเดิม
แล้วเราจะมีสภาวิชาชีพสื่อไปทำไม?