กฎเหล็ก ว่าที่ ส.ว. …ประชาธิปไตยมืด

กฎเหล็ก ว่าที่ ส.ว. …ประชาธิปไตยมืด

ถึง คุณแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพยายามพูด ให้สวยหรูดูดีแค่ไหนก็แล้วแต่ เสียงคัดค้าน ตำหนิ ติเตียน ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา หาได้เบาลงแม้แต่น้อย

เพราะของจริงปรากฏเป็นตัวอักษรชัดเจนเห็นกันจะจะ ทั้งผู้สมัครและประชาชนคนนอกมากมายเห็นว่า เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ล้นเกิน

ประกาศเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 วางเงื่อนไข ให้ทำได้สองกรณี

Advertisement

1 แบบใช้เอกสาร ความยาวไม่เกินสองหน้ากระดาษ A สี่ ระบุได้แค่ ข้อมูลส่วนตัว รูปถ่าย ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัคร

ห้ามแจกเอกสารด้วยการวาง โปรย หรือติดประกาศในที่สาธารณะในระหว่างวันที่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภามีผลบังคับใช้ จนถึงวันที่ กกต. ประกาศผลการเลือก ส.ว.

หลัง พ.ร.ฎ.ออก จนถึงวันประกาศผล ผู้สมัคร ส.ว. ให้สัมภาษณ์ออกสื่อไม่ได้

Advertisement

2 แนะนำตัวผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ผู้สมัครสามารถทำได้ “ด้วยตนเอง” หากจะแนะนำตัวผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ การส่ง การเผยแพร่ข้อความ จะต้องทำผ่านบัญชีส่วนตัวของผู้สมัครรายนั้น โดยต้องใช้ข้อความเหมือนในเอกสารแนะนำตัวที่เป็นกระดาษตามกรณีแรก และเผยแพร่แก่ “ผู้สมัครอื่น” ในการเลือกเท่านั้น

การส่งข้อความทางไลน์ เฟซบุ๊ก หรือโซเชียลมีเดียอื่นๆ ต้องจำกัดส่งให้เฉพาะ “ผู้สมัครอื่น” หรือตั้งค่าให้เฉพาะผู้ที่สมัคร ส.ว. เท่านั้นที่จะเห็นข้อความการแนะนำตัว

เมื่อจำกัดขนาดนี้ สาธารณชนก็ไม่สามารถเห็นได้เลยว่าผู้สมัครแต่ละคน แนะนำตัวกันอย่างไร คนไหนมีความคิด จิตวิญญาณ อุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ อย่างไร

กกต.อ้างเหตุมาจากกฎหมายแม่ คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 36 วางหลักให้ผู้สมัครแนะนำตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่ กกต.กำหนด หากบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้สมัครจะช่วยเหลือผู้สมัครในการแนะนำตัว ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ กกต.กำหนด อีกเช่นกัน

หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ กกต.กำหนด มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งห้าปี

กำหนดโทษรุนแรงถึงขั้นเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เลยเปิดช่องให้ กกต.ล้อตาม ใช้อำนาจออกระเบียบรองรับเต็มพิกัด

กรณีนี้นอกจากผลแห่งกฎหมายแม่แล้ว คงเป็นเพราะทัศนคติของคนด้วย คับแคบ มองมุมเดียว มิติความบริสุทธิ์ ยุติธรรม สุจริต ป้องกัน การฮั้ว จัดตั้ง จ้างคนอื่นมาลงสมัครเพื่อเลือกตัวเอง

เพราะคิดว่าเปิดให้หาเสียงเสรี แนะนำตัวมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เกิดการทุจริต ซื้อขาย แลกเปลี่ยนกันมากเท่านั้น

ไม่คิดในทางตรงข้าม ยิ่งเปิดมากเท่าไหร่ ยิ่งช่วยให้การทุจริตลดลง ปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากเท่าไหร่ ยิ่งเปิดโอกาสให้คนไม่ดี ซื้อเสียง ทำหนักขึ้น ง่ายขึ้น

การปิดกั้น ไม่ได้ทำให้การใช้เงินทุ่มซื้อขาย แลกคะแนน จ้างคนอื่นลง ลดลงหรือหมดไป คนโกงก็ยังคงทำต่อไปเหมือนเดิม

กฎระเบียบ กติกาต่างๆ ที่ออกมารองรับ จึงเป็นไปในทางมุ่งควบคุม จำกัด ทั้งสาระเนื้อหาและช่องทางการสื่อสาร แทนที่จะเปิดกว้าง

แก้ไม่ตรงจุด กลับส่งผลเสียมากกว่า

กติกาจึงเป็นภาพสะท้อนความเป็นองค์กรอำนาจนิยม แม้จะอ้างเจตนาดี เป็นกลาง แต่ผลที่ตามมากลับตรงข้าม ยิ่งทำให้เกิดความมืด

ทั้งๆ ที่มุมมองอีกมิติหนึ่งซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของ กกต.เช่นกัน นั่นคือ สนับสนุน ส่งเสริม สร้างความตื่นตัวทางการเมืองแก่ประชาชนในวงกว้าง มีผลถึงเสถียรภาพของระบบการเมือง

เปิดกว้างมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลดี ทำให้ประชาธิปไตยให้เข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น

การจะเป็นเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อสาธารณชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผู้สมัครทุกคน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้สมัครกันเองในกลุ่มอาชีพเดียวกัน

ประชาธิปไตยมีสองด้าน ด้านที่เป็นลบและด้านที่เป็นบวก กลับมองแต่ประชาธิปไตยเชิงลบ จึงกลายเป็นปัญหาอุปสรรคการพัฒนาประชาธิปไตย

กกต.ควรมองเชิงบวก เลือกที่จะส่งเสริม ให้เกิดเปิดเผยโปร่งใสมากกว่า ปิดกั้นขัดขวาง

การเผยแพร่ เข้าถึงข้อมูลข่าวสารมากเท่าไหร่ ทำให้ความยุติธรรม เพราะเกิดความสว่างมากำจัดความมืด

ความสว่างต่างหากทำให้เกิดความสุจริต ขจัดการทุจริต เอารัดเอาเปรียบ

คนเลือกไม่ว่าจะเป็นอาชีพเดียวกัน หรือประชาชนทั่วไปก็ตาม คิดและตัดสินใจเองได้ ควรเลือกคนเช่นไร คนไหนเพ้อเจ้อ คุยโม้โอ้อวด คนไหนของจริง มีเนื้อหาสาระ

สำคัญที่สุด คนไหนมีจุดยืน ความคิดทางการเมือง อำนาจนิยม หรือ เสรีนิยม ประชาธิปไตย

แนวคิดจำกัดการรับรู้เฉพาะผู้สมัครด้วยกันเอง คนนอกไม่เกี่ยว ในโลกแห่งความเป็นจริง คิดหรือว่าจะทำได้สำเร็จ

ความเปลี่ยนแปลง ความรวดเร็วของเทคโนโลยีก้าวไปไกลมาก การปิดกั้นไม่ให้สื่อสารกับสังคมจึงเป็นความล้าหลัง ความเชย สวนโลก ตกยุค

จนเกิดเหตุมีผู้ร้องต่อศาลปกครองให้คุ้มครอง ยังไม่ให้ใช้ ไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร จะบานปลายถึงขั้นร้องศาลรัฐธรรมนูญต่ออีกหรือไม่

ถ้าไปถึงขั้นนั้น ความวิตกที่ว่าจะกระทบต่อการเลือก ส.ว. ยืดเยื้อ ยาวนานออกไป ต่อท่ออำนาจให้ ส.ว.ที่หมดวาระวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ไปอีกยาว

จะเอากันอย่างนั้นหรือ พ่อคุณอำนาจ

สมหมาย ปาริจฉัตต์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image