ทำไมเมืองกัมโพชจึงเปลี่ยนเป็นเมืองลพบุรี : โดย รศ.ทวี ผลสมภพ

ตามที่กล่าวมาแล้วว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้บนยอดเขาสัจจพันธ์ คือยอดเขาวงพระจันทร์จังหวัดลพบุรีในปัจจุบันนี้ และก็น่าจะเป็นเมืองพุทธที่ยิ่งใหญ่ แต่ต่อมาในสมัยพระนางจามเทวี เมืองกัมพุชเปลี่ยนไปเป็นชื่อเมืองละโว้ พระนารายณ์มหาราช ท่านเปลี่ยนจากละโว้มาเป็นลพบุรี อันเมืองละโว้ก็ดี เมืองลพบุรีก็ดี เป็นชื่อโอรสพระราม ในเรื่องรามเกียรติ์ แถมมีลิงอยู่กลางเมือง ทำให้เกิดภาพความสมจริงว่าเป็นเมืองพระรามในเรื่องรามเกียรติ์ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างไร

ขอตอบในความเห็นส่วนตัวว่าผู้ที่นับถือฮินดูกุเรื่องเหล่าขึ้นมาทั้งนั้น เริ่มแต่สร้างเรื่องรามเกียรติ์ภาคสอง เพื่อปราบท้าวอณุราช ที่เมืองลพบุรี ที่ชาวบ้านรู้จักว่า กกขนาก สร้างทะเลชุบศรขึ้นมา เพราะพระรามต้องถอนต้นกกที่ทะเลชุบศรมายิงท้าวอณุราชตรึงไว้ที่เขาวงพระจันทร์ อันเป็นเขาที่พระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทไว้ ใครเป็นคนสร้าง? ขอสันนิษฐาน ชาวขอมฮินดูเป็นคนสร้าง เพราะมีหลักฐานยืนยันว่า เจนละบกหรือชาวกัมพุช สมัยที่มีปราสาทวัดพูเป็นศูนย์พิธีกรรม นับถือศาสนาฮินดูแล้ว ฮินดูสร้างเพื่ออะไร? เพื่อทำลายเมืองพุทธให้เป็นเมืองฮินดู เพราะเขาทำสำเร็จแล้วที่ประเทศอินเดีย

แผนนั้นก็คือ แต่งเรื่องรามเกียรติ์ กดพระพรหมให้ตกต่ำ โดยให้ยักษ์ซึ่งเป็นตัวโกง เป็นหลานพระพรหม ซึ่งพวกพราหมณ์เชื่อว่าไปเข้ากับพระพุทธเจ้า ทำให้พวกเขาแทบหมดคนนับถือ ส่วนพระรามเป็นตัวเอก เป็นคนดี ให้เป็นพระนารายณ์พระเจ้าองค์ใหม่ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาแทนพระพรหม อวตารลงมาปราบทศกัณฑ์

ถามว่า มีเหตุผลอย่างไร? พราหมณ์จึงกดพระพรหมให้ตกต่ำ

Advertisement

ขอตอบตามที่พระอรรถกถาจารย์กล่าวไว้ดังต่อไปนี้ พวกพราหมณ์นั้นนับถือพระพรหมเป็นใหญ่ บูชาพระพรหม เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง แต่เมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ทรงปฏิเสธเรื่องพระพรหมสร้างสรรพสิ่ง โดยเฉพาะตรัสว่า มนุษย์เกิดจากช่องคลอดมนุษย์ผู้หญิง ไม่ได้เกิดจากพระพรหม พวกพราหมณ์ฟังแล้วโกรธแค้นมาก ที่พระพุทธองค์ปฏิเสธคำสอนของเขา และคงคิดในใจว่าขอให้พระพรหมมาลงโทษคนที่ปฏิเสธคำสอนของพระพรหม แต่เรื่องมันกลับไม่เป็นไปตามที่พวกพราหมณ์หวัง เพราะแทนที่จะได้เห็นพระพรหมมาลงโทษผู้ปฏิเสธคำสอนของพวกเขา เขากลับเห็นท้าวมหาพรหมลงมาคุกเข่าพนมมือขอร้องพระพุทธเจ้าแสดงธรรมโปรดสัตว์โลก ตามที่ชาวพุทธทราบมาว่า เมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้แล้วทรงท้อพระทัยเพราะคำสอนของพระองค์ฝืนกระแสตัณหาของมนุษย์ จึงน้อมจิตไปเพื่อไม่โปรดสัตว์ ท้าวมหาพรหมจึงลงมาคุกเข่าอ้อนวอนขอให้แสดงธรรม

ข่าวนี้ในคัมภีร์อรรถกถากล่าวว่า ประชาชนรู้ทั่วชมพูทวีป คราวนี้พวกพราหมณ์มิได้โกรธพระพุทธเจ้าเต็มที่แล้ว แต่กลับพุ่งความโกรธไปที่พระพรหมแทน เพราะอะไร? เพราะพระพรหมที่เขาบูชาแทนที่จะช่วยเขา แต่ไหงกลับไปกราบไปบูชาพระพุทธเจ้า ผู้ที่พราหมณ์ถือว่าเป็นศัตรูของเขาเสียนี่! แล้วอย่างนี้พราหมณ์ผู้เป็นปุถุชนจะทำใจได้หรือ!

เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระพรหมยังปรากฏองค์ให้เห็นอีก การปรากฏกายของพระพรหม ถ้าปรากฏกับพระพุทธเจ้า ก็พอประมาณ เพราะคนอื่นไม่รู้เห็น แต่เมื่อปรากฏแก่ผู้บูชาพรหมเอง แล้วบอกความจริงให้คนบูชารู้ว่าอย่าบูชาพรหมเลย เพราะพระพรหมไม่ใช่มีอาหารอย่างที่มนุษย์บูชา ชาวบ้านจึงเชื่อแล้วก็เลิกบูชาพระพรหม

เพื่อให้เห็นความจริง จึงขอยกเรื่องพรหมเทวสูตรมาเล่าดังต่อไปนี้

วันหนึ่งในคราวนั้น พระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์อยู่ เป็นวันที่ประชาชนทำการบูชาภูต ทุกบ้านทาสีเขียว แล้วนำอาหารเลิศรส มาบูชาท้าวมหาพรหม ขณะนั้นพระอรหันต์องค์หนึ่งท่านเดินบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี ท่านคงไม่ได้อาหารเลย จึงเข้าไปในบ้านโยมมารดา ขณะนั้นโยมมารดากำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเลิศรสเพื่อบูชาพระพรหม เมื่อเห็นพระลูกชายเข้ามาในบ้าน ก็พาพระลูกชายไปนั่ง แล้วบอกลูกว่า ลูกนั่งคอยก่อนนะ! แม่บูชาพระพรหมก่อน จากนั้นนางก็หยิบข้าวมธุปายาสไปวางมุมนั้นมุมนี้

แล้วกล่าวคำถวายพระพรหมว่า ขอมหาพรหมจงบริโภค ขอมหาพรหมจงนำไป ขอมหาพรหมจงอิ่มหนำ

ฝ่ายพระสงฆ์ลูกชายซึ่งเป็นพระอรหันต์นั่งหิวอยู่ในบ้าน ท้าวสหัมบดีพรหมทราบเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เพราะเดชของพระอรหันต์ จึงปรากฏกายให้นางพราหมณีผู้เป็นโยมมารดาของพระพรหมเทวะเห็นบนอากาศ แล้วกล่าวกะนางพราหมณีว่า แนะ! นางพราหมณี ท่านมั่นคงอยู่กับการบูชาพรหม แต่พรหมโลกกับโลกมนุษย์ไกลกันนัก อาหารของพรหมไม่ใช่เช่นที่ท่านวางไว้ แน่ะ นางพราหมณี! ท่านไม่รู้ทางของพรหมเลย แต่ก็บ่นเพ้อถึงพรหมตลอดเวลา พระพรหมเทวะนั่น เป็นพระอรหันต์ ของถวายที่ถวายท่านแล้ว มีอานิสงส์มาก ท่านจงถวายอาหารที่เตรียมเพื่อพรหมไปถวายท่านพรหมเทวะเถิด นางพราหมณีได้เห็นพระพรหมโดยไม่คาดคิด ปากคอสั่น แต่ฟังคำของพระพรหมเข้าใจดี จึงนำอาหารมาถวายพระลูกชายของตน นับจากนั้นนางก็ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าและพระลูกชาย แต่นางก็ยังคำนึงถึงพระพรหมอยู่ เพราะบุญคุณที่พระพรหมชี้ทางถูกทางผิดให้นางรู้

เมื่อนางเล่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ให้เพื่อนบ้านฟัง ข่าวนี้ก็ลามออกไปเหมือนไฟลามทุ่ง มนุษย์เหล่านั้นก็หันมาสนใจพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น พวกพราหมณ์ฟังข่าวนี้แล้วก็ยิ่งโกรธพระพรหมมากขึ้น

กาลต่อมาพวกพราหมณ์เป็นจำนวนมากได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา มีพราหมณ์จำนวนน้อยที่มิได้นับถือพระพุทธศาสนา พราหมณ์เหล่านี้จึงมิได้มีปฏิกิริยาแต่อย่างใด แต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 14 ศังกราจารย์ได้ปลอมตัวเข้ามาบวชศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนา แล้วไปดำเนินการสร้างพระเจ้าขึ้นมาใหม่แทนพระพรหม ฤๅษีวาลมิกิ ก็เป็นสหายร่วมอุดมการณ์ จึงแต่งเรื่องรามเกียรติ์ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

วาลมิกิฉลาดในการเขียนเรื่องน้อมใจคน เพราะเขียนตัวโกงคือทศกัณฑ์ผู้เป็นหลานพระพรหมให้ชั่วมากๆ แล้วเขียนพระรามผู้เป็นเชื้อของพระศิวะให้เก่งที่สุด ชนิดที่มีทหารถูกฆ่าตายแล้วก็ฟื้นขึ้นมาสู้ได้อีก คนอ่านก็เป็นปลื้ม เพราะหมั่นไส้ที่ตัวโกงมันชั่วเหลือใจ ได้ความสะใจที่พระรามทำลายคนชั่วๆ แม้จะไม่มีความจริงเลย เช่นลิงตายแล้วฟื้น เป็นต้น ก็ยอมเชื่อ (คนไทยอ่านแล้วก็เชื่อเขาไปด้วย) จนชาวอินเดียหันไปนับถือพระรามหมด พระพุทธศาสนาหายไปเลย

เมื่อขอมชนะจามปาและมอญในบริเวณที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะเมืองกัมโพช คือลพบุรี ปัจจุบันแล้ว เห็นว่ารอยพระพุทธบาทเขาสัจจพันธ์ที่ชาวพุทธพากันมาสักการบูชาอยู่นี้ยังมีอยู่ตราบใด จะเผยแผ่ศาสนาฮินดูไม่ได้ผล พวกเขาจึงเขียนเรื่องรามเกียรติ์ภาคสองขึ้นมา ให้พระรามอยู่ป่าภาคสอง เพื่อมาปราบยักษ์ชื่อ ท้าวกกขนาก เปลี่ยนชื่อเมืองจากเมืองกัมโพช เป็นเมืองละโว้ พวกเขาจับลิงมาเลี้ยง ให้เกิดภาพว่าพระรามมีทหารเป็นลิงจริงๆ สร้างทะเลชุบศร ให้เห็นความจริงในเรื่องรามเกียรติ์ภาคสองที่สร้างขึ้นใหม่ นำรูปพระนารายณ์มาตั้งบนศาล และศาลนั้นก็ตั้งบนพระปรางค์ ทำนองจะให้คิดว่าพระปรางค์ศิลาแลงนั้น สร้างเป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู แต่นักโบราณคดีชื่อ ฌ็อง บวสเซอลิเยร์ ไม่เชื่อว่าสถาปัตยกรรมนี้สร้างในพุทธศตวรรษที่ 16 อันเป็นเวลาที่ขอมมีอำนาจในบริเวณนี้แล้ว แต่เขากลับเชื่อว่าสถาปัตยกรรมนี้สร้างมานานแล้ว จนพังลงมา หรือมิฉะนั้นก็เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างไม่เสร็จ

และที่สำคัญได้มีการพบจารึกภาษามอญในบริเวณพระปรางค์นั้นอีก จึงทำให้คิดไปได้ว่าพระปรางค์องค์มหึมาที่ศาลพระกาฬตั้งอยู่นั้น เป็นสถาปัตยกรรมของมอญที่สร้างไว้ ในสมัยที่พระพุทธศาสนารุ่งเรืองอันเนื่องมาจากพระพุทธบาทที่เขาวงพระจันทร์

ด้วยประการดังกล่าวมานี้ เมืองกัมโพชอันเป็นเมืองที่มีพระพุทธบาทเป็นที่เคารพสักการะของชนชาติมอญก็ถูกลืมไปนับพันปี แต่แม้ขอมจะครอบงำได้ด้วยอำนาจรัฐ แต่ชนชาติมอญน่าจะไม่นิ่งเฉย เพราะปรากฏการเขียนวรรณกรรมชื่อโลกบัญญัติ ทำนองประจานพระศิวะไว้ 2 เรื่อง กล่าวคือเรื่องแรก บรรยายว่าพระศิวะนั้นเดิมพระชายามีนามว่า หารินี แต่ต่อมากลับได้นามว่า อุมา

สาเหตุเป็นเพราะพระศิวะนั้น เวลาร่วมเพศกับนางหารินี ได้เปล่งคำอุทานออกมา ด้วยความหฤหรรษ์ว่า อุมาๆๆ ดังนั้น ชื่อของนางจึงเปลี่ยนไปเป็นอุมาด้วย

ส่วนเรื่องที่ 2 บรรยายว่า พระศิวะท้าพระพุทธเจ้าเล่นซ่อนหากัน และพระศิวะขอไปซ่อนก่อน พระพุทธเจ้าก็หาพบ เมื่อถึงคิวพระพุทธเจ้าไปซ่อน พระองค์แปลงเป็นองค์เล็กและเบาที่สุด แล้วไปซ่อนอยู่ที่ระหว่างคิ้วของพระศิวะ (ทุกวันนี้เรายังพอเห็นรูปพระศิวะ มีพระพุทธรูปเล็กๆ อยู่ระหว่างคิ้ว) พระศิวะแสวงหาไม่พบขอยอมแพ้ นี่คือเรื่องโดยสรุป ส่วนเรื่องพิสดาร จะกล่าวไว้ในหนังสือชื่อ หลักฐานบ่งว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาจังหวัดลพบุรี นครพนม และเวียดนาม ซึ่งจะออกตามมาในระยะไม่นานนี้

หนังสือชื่อโลกบัญญัตินี้ ตามประวัติกล่าวว่า พระพม่านามว่า พระสัทธรรมโฆษเถระ เป็นผู้รจนา แต่ผู้เขียนขอเดาว่า ไม่ใช่พระพม่า เป็นพระมอญค่อนข้างแน่ ถามว่ารู้ได้อย่างไร? ตอบว่ารู้ได้ด้วยชื่อ เพราะชื่อนี้ เหมือนเป็นชื่อราชทินนาม คือชื่อที่พระราชาตั้งถวาย ที่เมืองไทยรู้กันว่า สมณศักดิ์ ถ้าเป็นพระพม่า ชื่อของท่านจะเป็นภาษาพม่า เพราะพระพม่าไม่ยอมรับสมณศักดิ์จากพระราชาหรือรัฐบาล แม้ในประวัติจะกล่าวว่าเขียนเป็นภาษาพม่า ถึงกระนั้นก็ยังยืนยันว่าเป็นพระมอญ เพราะพม่าเมื่อทำลายมอญแล้วก็นำทุกสิ่งในเมืองสุธรรมไปเป็นของพม่าที่พุกาม แม้แต่ตัวอักษรของมอญ พม่าก็นำไปเขียนภาษาพม่า นอกจากมอญจะรจนาเรื่องหนังสือทำนองประจานแล้ว ยังได้สลักภาพพระพุทธเจ้าแสดงธรรมแก่พระศิวะและพระวิษณุ และภาพพระศิวะและวิษณุทำท่าทางนอบน้อมพระพุทธเจ้าไว้ในถ้ำ ภาพแกะสลักดังกล่าวอยู่ที่วัดถ้ำพระโพธิสัตว์ หมู่ 10 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี

ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าชนชาติมอญเขียนเพื่อผดุงเกียรติของพระพุทธศาสนา หลังจากที่อาณาจักรมอญต้องสิ้นอำนาจให้แก่ขอมแล้ว

ดังนั้น จึงขอสรุปว่า เมืองกัมโพช (ลพบุรี) เป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ เป็นเมืองของชนชาติมอญที่นับถือพระพุทธศาสนาในสมัยที่พระพุทธองค์มีพระชนม์อยู่ นับเป็นพันปีขึ้น จวบจนพุทธศตวรรษที่ 16 เมื่อมอญทั้งที่เมืองสุธรรมเสียอำนาจให้พม่าและมอญที่เมืองกัมโพชเสียอำนาจให้ขอม ขอมจึงทำลายเมืองพุทธให้เป็นเมืองฮินดู ด้วยการเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นละโว้ สร้างวัตถุเรื่องรามเกียรติ์ให้คนรุ่นหลังเข้าใจผิด ให้ชาวพุทธลืมรอยพระพุทธบาท ลืมพระสัจจพันธเถระ ลืมพระพุทธศาสนาในบริเวณนี้ชั่วขณะ

บัดนี้สัญลักษณ์ที่รอยพระพุทธบาทที่เขาวงพระจันทร์คงจะทำให้พระพุทธศาสนากลับฟื้นเป็นประโยชน์แก่ชาวพุทธตลอดกาลนาน อีกวาระหนึ่ง

รศ.ทวี ผลสมภพ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image