มิติใหม่ของวันมาฆบูชา ….โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

บทความนี้เขียนขึ้นในวันมาฆบูชาของ พ.ศ.2560 หลังจากที่ผู้เขียนได้สอดแทรกเรื่องวันมาฆบูชาในโอกาสที่ได้บรรยายเรื่องทางวิชาการแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาในช่วงก่อนหน้าวันมาฆบูชาหลายวัน โดยตั้งคำถามว่าวันมาฆบูชามีความสำคัญอย่างไร? ซึ่งก็มักจะได้รับคำตอบเดิมๆ แบบผลิตซ้ำว่าวันมาฆบูชาหมายถึง การบูชาในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของฮินดู มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จาตุรงคสันนิบาต (มาจากภาษาบาลี แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ประกอบทั้งสี่ประการ) คือเป็นวันที่มีองค์ประกอบอัศจรรย์ 4 ประการ เกิดขึ้น คือ
1) วันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญเดือน 3 ดวงจันทร์เต็มดวง
2) พระภิกษุทั้ง 1,250 รูปนั้น ได้มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย
3) พระภิกษุเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์ทุกองค์
4) พระภิกษุทั้ง 1,250 รูปนี้ พระพุทธเจ้าบวชให้ทั้งสิ้น

ความจริงคำที่อธิบายชี้แจงถึงความสำคัญของวันมาฆบูชาที่เรียนที่จำกันมาดังข้างต้นเป็นเพียงเปลือกกระพี้เท่านั้น เป็นต้นว่า พระจันทร์เต็มดวงก็มีอยู่ทุกเดือน ไม่ทราบว่าเป็นอัศจรรย์ตรงไหน ส่วนอีกสามข้อนั้นความจริงก็คือผู้ที่พระพุทธองค์จะส่งออกไปเผยแผ่พระศาสนานั่นเอง จึงได้สั่งสอนหลักการของการเผยแผ่พระศาสนาให้แก่พระสงฆ์เหล่านี้โดยเฉพาะ

ดังนั้น หัวใจสำคัญของหัวใจวันมาฆบูชาคือโอวาทปาติโมกข์ที่แสดงโดยพระพุทธองค์ด้วยพระองค์เอง ท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ ถือเป็นการประกาศอุดมการณ์ของพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยแยกอุดมการณ์ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1) สำหรับพระสงฆ์ผู้เป็นสาวกของพระพุทธองค์โดยส่วนรวมพึงปฏิบัติตัวอย่างอดทน อดกลั้นไม่เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่นอย่างเด็ดขาด โดยยึดเอาพระนิพพานเป็นจุดหมายสูงสุด
2) สำหรับพระภิกษุแต่ละรูปให้งดเว้นการกระทำความชั่ว ให้กระทำความดีและพยายามรักษาจิตให้ผ่องใส
3) สำหรับพระสงฆ์ผู้ที่จะออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาจักต้องไม่ว่าร้ายหรือทำร้ายศาสนาหรือความเชื่อดั้งเดิมของผู้อื่น และพระสงฆ์ผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาต้องสำรวมกาย วาจา ใจให้น่าเลื่อมใส ไม่โลภในลาภสักการะ (โดยเฉพาะอาหาร) ให้อยู่ในที่อันสงัดและเพียรรักษาจิตให้ผ่องใส ไม่ให้ตกอยู่ในอิทธิพลของความโลภ ความโกรธ หรือความหลง

Advertisement

เมื่อมีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นเวลา 45 ปีแล้ว ในวันมาฆบูชา ที่ป่ามหาวัน เมืองเวสาลี พระพุทธองค์มีพระชนมมายุได้ 80 พรรษา ก็ได้ทรงตั้งพระทัยมั่นว่าจะดับขันธปรินิพพานใน 3 เดือนข้างหน้า

การปลงอายุสังขารนี้เป็นคำที่ใช้โดยเฉพาะกับพระพุทธองค์เท่านั้น มีความหมายในภาษาสามัญว่า การกำหนดวันตายไว้ล่วงหน้านั่นเอง

ส่วนคำว่า ปลงสังขาร เป็นการปล่อยวางสังขารร่างกายของตน ไม่ยึดติดในสังขาร โดยพิจารณาเห็นความจริงของสังขาร หรือของชีวิตว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่อาจให้แน่นอน คงทน และบังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ เมื่อเห็นความจริงเช่นนี้แล้วก็ปล่อยวางได้ ปลงสังขาร มีประโยชน์คือเป็นเหตุให้ไม่ยึดติดในสังขารว่าเป็นตนของตนต่อไป สามารถทำใจไม่ให้กลัวความตายได้ ทำให้จิตสงบไม่ฟุ้งซ่านเมื่อนึกถึงความตาย และทำให้ไม่ประมาทในชีวิต เร่งทำความดีงามอันเป็นการเตรียมตัวก่อนตายให้พร้อม ชีวิตหลังตายไปแล้วจะมีสุคติเป็นที่ไป ซึ่งการปลงสังขารนี้เป็น 1 ใน 10 ของอนุสติที่ทางพระพุทธศาสนาได้สอนว่า อนุสติคืออารมณ์ดีงามที่ควรระลึกถึงเนืองๆ ได้แก่

Advertisement

1) พุทธานุสติ คือ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า
2) ธัมมานุสติ คือ ระลึกถึงคุณพระธรรม (คำสั่งสอนของพระพุทธองค์)
3) สังฆานุสติ คือ ระลึกถึงคุณของพระสงฆ์
4) สีลานุสติ คือ ระลึกถึงศีล และพิจารณาศีลของตนที่ได้ประพฤติบริสุทธิ์ ไม่ด่างพร้อย
5) จาคานุสติ คือ ระลึกถึงทานที่ตนได้บริจาคแล้วและพิจารณาเห็นคุณธรรมในการเสียสละ
6) เทวตานุสติ คือ ระลึกถึงเทวดาและพิจารณาเห็นคุณธรรมซึ่งทำคนให้เป็นเทวดาคือเทวธรรม
7) มรณสติ คือ ระลึกถึงความตายอันต้องมาถึงตนเป็นธรรมดา พิจารณาให้เกิดความไม่ประมาท
8) กายคตาสติ คือ สติอันไปในกาย หรือระลึกถึงเกี่ยวกับร่างกาย ให้เห็นว่าประกอบด้วยส่วนต่างๆ คือ อาการ 32 อันไม่สะอาด ไม่งาม น่าเกลียด เป็นทางรู้เท่าทันสภาวะของกายนี้ มิให้หลงใหลมัวเมา
9) อานาปานสติ คือ สติกำหนดลมหายใจเข้าออก
10) อุปสมานุสติ คือ ระลึกถึงธรรมเป็นที่สงบคือนิพพาน และพิจารณาคุณของนิพพาน อันเป็นที่หายร้อนดับกิเลสและไร้ทุกข์

ครับ ! ผู้เขียนขอเสนอมิติใหม่ของวันมาฆบูชาด้วยการที่คนไทยเราควรที่จะเฉลิมฉลองวันมาฆบูชานี้ด้วยการปฏิบัติมรณสติ คือ ระลึกถึงความตายอันจะต้องมีมาถึงตนเป็นธรรมดา พิจารณาให้เกิดความไม่ประมาทแบบปลงสังขารนั่นเอง เพื่อที่จะได้ขัดเกลาและผ่อนคลายการยึดมั่นถือมั่นในความเกลียดชัง ความแตกแยกจะได้ปรองดองกันได้บ้าง เนื่องในที่สุดทุกคนก็จะต้องตายกันทั่วหน้าจะเกลียดชังมุ่งมั่นที่จะเข่นฆ่ากันไปทำไม? จริงไหมครับ!

ส่วนเรื่องที่จะมีการเลือกตั้งเมื่อไรนั้นเป็นเรื่องเฉพาะ ก็เหมือนเรื่องการปลงอายุสังขารนั่นแหละครับ

 

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image