เพลย์บอย โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

ภาพ:www.nydailynews.com

ถ้าพูดถึงนิตยสารแนวปลุกใจเสือป่าของฝรั่ง “เพลย์บอย” ย่อมติดอันดับต้นๆ และน่าจะเป็นอันดับ 1 อยู่

แม้ว่าปลายปี 2558 ประกาศว่าจะเลิกตีพิมพ์ภาพนู้ดตั้งแต่ฉบับเดือนมีนาคม 2559 เป็นต้นไป แต่มาปีนี้ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงของตระกูลเฮฟเนอร์บอกว่าที่เคยประกาศไปนั้นผิดพลาด

เหตุผลเดิมที่เพลย์บอยประกาศไว้เมื่อปี 2558 ว่าจะเลิกตีพิมพ์ภาพนู้ด ไม่ใช่เพราะอยากจะเลิกส่งเสริมการมองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ หรืออยากจะลดกิเลสอะไร แต่เห็นว่าถึงเวลาต้องการปรับโฉมใหม่ หรือรีดีไซน์ตัวผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ด้วยเห็นว่าภาพเปลือยนั้นหาดูได้เกลื่อนจากสื่ออินเตอร์เน็ต

แต่การกลับลำที่จะหวนมานำเสนอภาพนู้ดอีกครั้งนี้ คูเปอร์ เฮฟเนอร์ ผู้บริหารหนุ่มคนใหม่ของเพลย์บอย บอกว่า ถึงเวลาที่ต้องกลับมาสู่ตัวตนที่แท้จริงได้แล้ว พร้อมเชิญชวนให้แฟนๆ ติดตามการกลับมาของภาพนู้ด ที่ติดแฮชแท็กข้อความแปลได้ว่า การเปลือยเป็นเรื่องธรรมดา ตั้งแต่เดือนมีนาคม

Advertisement

พร้อมกับถ้อยคำตอกย้ำอีกเล็กน้อยว่า “การเปลือยไม่เคยเป็นปัญหา เพราะว่าการเปลือยไม่ใช่ตัวปัญหา”

การเลี้ยวกลับของทีมงานเพลย์บอยครั้งนี้น่าติดตามในฐานะสื่อนิตยสารที่กำลังดิ้นรนอย่างหนักในยุคดิจิทัล กระแสในโลกโซเชียลที่มีต่อข่าวนี้ มีทั้งด้านดีใจและสงสัยในชะตาอนาคตของนิตยสารยักษ์ใหญ่รายนี้

หลังจากเพลย์บอยก่อตั้งเมื่อปี 2496 เคยทำยอดขายสูงถึง 5.6 ล้านฉบับในยุค 70 จนกระทั่งปีที่แล้ว ตัวเลขยอดจำหน่ายที่เปิดเผยออกมาอยู่ที่ 7 แสนฉบับ

Advertisement

แต่ข้อได้เปรียบของเพลย์บอยก็คือ การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของนิตยสารแนวนี้ อย่างน้อยโลโก้กระต่ายผูกหูกระต่ายนั้นเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และถ้าบอกว่าเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมอเมริกันก็คงไม่ผิดนัก และบริษัทก็ทำเงินได้จากลิขสิทธิ์เจ้ากระต่ายผูกหูกระต่ายนี้

การกลับไปหาความเป็นเพลย์บอยที่ลงภาพนู้ดผู้หญิงจึงน่าจับตาอย่างยิ่ง ซึ่งถ้าเป็นประเด็นวิชาการหน่อยก็น่าจะจับตาในฐานะที่เพลย์บอยเป็นสื่อนิตยสาร ว่าจะกรุยทางการฟื้นตัวครั้งนี้อย่างไร

เพราะเดิมที่เลิกพิมพ์ภาพเปลือยไปนั้นเพราะใครๆ ก็หาดูได้ในโลกออนไลน์

แต่การให้บรรดาเสือป่าเสียเงินเพื่อจะซื้อภาพนู้ดอีกครั้งนั้นเป็นเรื่องท้าทายไม่ธรรมดา เหมือนการทำให้แผ่นเสียงแบบคลาสสิกกลับมาสู้เสียงเพลงทางดิจิทัลแบบชนิดไม่ต้องสู้ตรงๆ แต่ขอมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ทำให้กิจการยืนหยัดต่อไปได้

ส่วนประเด็นว่านู้ดหรือไม่นู้ดนั้นแทบไม่เป็นที่ถกเถียงในกรณีนี้ เพราะถือว่าเป็นสิทธิของผู้ผลิตและผู้ซื้อที่ต้องตัดสินใจเองอย่างตรงไปตรงมา ตามแบบฉบับของสังคมชาวอเมริกัน ไม่จำเป็นต้องทำเป็นเรียบร้อยแสนดี แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม เมื่อจะนู้ดก็บอกตรงๆ ว่าจะนู้ด

แต่ตรงๆ แบบนี้อาจไม่ถูกจริตแบบคนดีที่บ้านเรา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image